xs
xsm
sm
md
lg

เดินสำรวจออกโฉนดที่ดินปราจีนฯวุ่นอีก - เขตถนนกลืนพื้นที่ชาวบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา- ชาวบ้านโคกมะกอก ปราจีนบุรี ตะลึงพื้นที่ดินเคยทำกินหาย 15 เมตร หมดที่เป็นไร่ๆ กว่า 10 ครอบครัว จากผลโครงการเดินสำรวจออกโฉนดรังวัดที่ดินปราจีนบุรีอีก โดยก่อนหน้านี้ เคยชี้ที่ดินชาวบ้านทำกินปกติเป็นที่สาธารณะมาก่อน

วันนี้ (25 เม.ย.) เวลา 15.30 น.นายสมชาย สืบจากอินทร์ นายช่างโยธา 6 สำนักทางหลวงชนบทที่ 3 ได้เดินทางมาพบปะชี้แจงต่อชาวบ้าน ในเขตพื้นที่ ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่า เจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทเข้ามาทำการปักหลักแนวเขตทางหลวงเข้าไปในที่ดินชาวบ้าน และสั่งห้ามชาวบ้านไม่ให้ทำกินบนที่ดินดังกล่าว หลังจากโครงการการเดินสำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดินของศูนย์รังวัดที่ดินจังหวัดปราจีนบุรีเสร็จสิ้น

นายสมชาย กล่าวว่า ในการมาวันนี้เป็นการเข้ามาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ว่า การปักแนวเขตทางหลวงนั้น เจ้าหน้าที่มาทำตามหน้าที่ หลังมีโครงการรังวัดเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและกันเขตพื้นที่ตามแนวถนนทางหลวงแล้ว ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ทางหลวงชนบท ที่กำหนดให้มีแนวเขตไว้ โดยให้วัดจากเส้นกึ่งกลางถนนออกมาด้านนอกกว้าง 15 เมตร แต่ต้องดูความเป็นไปได้ตามสภาพของพื้นที่ด้วย โดยปัจจุบันถนนสายดังกล่าวมีความกว้างเพียง 6 เมตร

นายวิรัตร บุญอินทร์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ร้องเรียนขอความเป็นธรรม ว่า หลังการเดินสำรวจรังวัดออกโฉนดที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี ได้เดินออกสำรวจรังวัดที่ดินชาวบ้านโคกมะกอก ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก และพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายตำบล ได้ทำการรังวัดที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 32 เล่มที่ 19 หน้า 7 ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก ของนางกาหลง บุญอินทร์ อายุ 78 ปี ซึ่งเป็นมารดา จำนวน 5 ไร่ 1 งาน 38 ตารางวา (ตร.ว.) ซึ่งเป็นพื้นที่ดินติดริมสองฝั่งถนนรวมความยาวทั้งสองด้าน ประมาณกว่า 200 เมตร

นอกจากนี้ ได้ทำการรังวัดกันพื้นที่เป็นเขตทางหลวงชนบท สายบ้านโคกมะกอก-ดงบัง วัดจากกลางถนนฝั่งละ 15 เมตร รวมสูญเสียพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1 ไร่ กินพื้นที่เข้ามาในเขตตัวบ้านตนเกือบทั้งหลัง ยังรวมถึงต้นไม้ยืนต้น และบ่อน้ำใช้ภายในบ้านด้วย จึงเห็นว่า การรังวัดดังกล่าวไม่เป็นธรรม ซึ่งการรังวัดดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่รังวัดของศูนย์รังวัดที่ดินปราจีนฯ และผู้ใหญ่บ้านพร้อมผู้ช่วยมาทำการรังวัดชี้แนวเขตกันพื้นที่ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเป็นระเบียบของการรังวัดที่ดิน ที่ต้องกันพื้นที่เป็นมาตรฐานแบบเดียวกันทั้งหมดตลอดสายความยาวกว่า 6 กม.

เมื่อมีเจ้าหน้าที่ทางหลวงนำหลักเขตทางหลวง มาทำการปักแนวเขต จึงทราบว่า การรังวัดดังกล่าวไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยในพื้นที่หมู่อื่นๆ ไม่ได้มีการกันพื้นที่ดังกล่าวไว้ถึง 15 เมตร โดยวัดออกมาจากกลางถนนเพียง 7 เมตร และเลยพ้นเขตจากขอบถนนมาเพียง 2 เมตรเศษเท่านั้น

ด้าน นางวรรณา จำนงค์รักษ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/1 ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมากเมื่อเจ้าหน้าที่ของทางหลวงชนบท นำหลักเขตทางหลวงมาปักเข้ามาในพื้นที่จนเกือบถึงตัวบ้าน กลืนพื้นที่หน้าบ้านที่ตนได้ลงทุนถมดินไว้ทั้งหมดกว่า 1 ไร่ และคนที่นำหลักเขตมาปักยังบอกอีกว่า ห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือสิ่งปลูกสร้างถาวรบนเนื้อที่ดังกล่าว จึงตกใจมากทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ดินของตนเองมาก่อน

ก่อนการรังวัดผู้ใหญ่บ้านเป็นคนนำเจ้าหน้าที่รังวัดมาทำการรังวัด และบอกว่า การออกโฉนดต้องมีการกันพื้นที่เขตทางหลวงออกไปจากกลางถนน 15 เมตร ทั้งสองด้าน หากไม่เป็นเหมือนกันตลอดสายจะมาทำการถอนคืนให้ ตนจึงยินยอมในขณะนั้น

เมื่อสอบถามไปยังที่ดินจังหวัด ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ ว่า เมื่อเซ็นให้กับเขาไปแล้วก็ไม่สามารถเอาคืนได้ ทั้งที่ขณะรังวัดผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ให้เซ็นข้างเคียงหากไม่เซ็นต์ข้างเคียงจะออกโฉนดไม่ได้

ขณะที่ นางสายหยุด เพ็ชรงาม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.1 ต.ดงขี้เหล็ก ซึ่งถูกวัดกันพื้นที่ถนนเข้าไปกลางบ้าน กล่าวว่า ตนได้สอบถามไปยังหมู่บ้านอื่นริมถนนตลอดสายว่าเหตุใดจึงไม่ถูกรังวัดกันพื้นที่ถนนเข้าไปในบ้านเหมือนกับชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.ดงขี้เหล็ก ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ที่ผู้นำท้องถิ่นจะเป็นผู้ชี้แนวเขตถนนว่าจะให้วัดเอาแค่ไหน โดยขณะรังวัดผู้ใหญ่บ้านอ้างว่าจะต้องเซ็นต์ข้างเคียงถ้าไม่เซ็นต์ข้างเคียงจะไม่สามารถออกโฉนดให้ได้ อย่างนี้ก็ถือว่าผู้ใหญ่บ้านโกหกหลอกลวงชาวบ้าน คนไม่มีความรู้ที่ไม่มีทางสู้ได้

ส่วน นางแตง อู่แก้ว อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 ม.2 ต.ดงขี้เหล็ก กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านตน ได้นำเจ้าหน้าที่มารังวัดโดยกันพื้นที่วัดจากกลางถนนออกมา 7 เมตร เป็นขอบถนน ซึ่งกินพื้นที่เข้ามายังหน้าบ้านตนเพียง 2 เมตรเท่านั้น ไม่ได้ถูกกันพื้นที่ถนนออกไปไกลถึง 15 เมตรเหมือนพื้นที่ ม.1 โดย นายสนิท ฬามินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บอกเจ้าหน้าที่รังวัดว่าเอาแค่นี้แหละ จากนั้นก็ทำการปักหลักเขตที่ดิน การชี้แนวเขตถนนนั้นจึงอยู่ที่ผู้ใหญ่บ้านผู้นำท้องถิ่นของแต่ละหมู่บ้าน

ผู้สื่อรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ขณะดำเนินโครงการเดินสำรวจรังวัด ผู้ใหญ่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่รังวัด ได้เคยชี้ที่ดินทำกิน น.ส.3 ของนางสังวาลย์ อินจันทร์ ให้เป็นที่ดินหนองน้ำสาธารณะ ทั้งที่สภาพความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่ด้านการเกษตรไร่นาสวนผสม ที่มีการทำกินมาช้านานหลายชั่วอายุคน ภายหลังเจ้าของที่ดินได้ยื่นเรื่องคัดค้านการรังวัด เจ้าหน้าที่ศูนย์รังวัดจึงได้มาถอนหลักหมุดที่วัดมั่วที่ดินชาวบ้านเป็นที่ดินสาธารณะออกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น