กาญจนบุรี – “หมอเณร” เจ้าของสวนสมุนไพรชื่อดังนำชาวบ้าน “ห้วยยาง” อำเภอห้วยกระเจา บุกร้องผู้ว่าฯกาญจนบุรี จวกกรมชลประทานฯปักเสาหมุดคลองชลประทานในที่ดินโฉนดปลูกสวนสมุนไพร หากไม่ได้รับความเป็นธรรมเตรียมร้อง ปปช.ต่อ ขณะที่ชลประทานกาญจนบุรี ยอมรับผิดพร้อมกล่าวขอโทษชาวบ้าน เผยได้ทำเรื่องส่งไปยังอำเภอและผู้นำท้องถิ่นให้ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการประชาคมให้ประชาชนในหมู่บ้านได้รับทราบ โครงการดังกล่าวยังอยู่ในชั้นสำรวจ เตรียมนัดจับเข่าคุยกับชาวบ้าน 25 เม.ย.นี้ที่สวนสมุนไพรหมอเณร
นายชัยรัตน์ นนท์ชัย หรือ “หมอเณร” หมอสมุนไพรชื่อดังของ จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มชาวบ้านจากบ้านห้วยยาง หมู่ 3 หมู่ 10 และหมู่ 11 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 13 คนได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณที่จอดรถหน้าทางขึ้นบันใดศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรอพบนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม
ต่อมานายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุร ได้เชิญคณะของหมอเณรมาร่วมหารือที่ห้องประชุมชั้น 2 โดยนายชัยรัตน์ ได้เป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือร้องเรียน จากนั้นนายชัยรัตน์ ซึ่งเป็นตัวแทนของชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว ได้กล่าวถึงเหตุผลที่มาร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีว่า ที่พวกตนเดินทางยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีนายช่าง และเจ้าหน้าที่จากกรมชลประทานจังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 6-7 คน เดินทางมาที่บ้านห้วยยาง ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
พร้อมทั้งขนกล้องและอุปกรณ์รางวัดพร้อมเสาหมุดหินมาทำการรางวัดพื้นที่และปักเสาหมุดในเขตที่ดินของชาวบ้านในหมู่บ้านทั้ง 3 หมู่ และเมื่อชาวบ้านทราบจึงได้เดินทางไปสอบถามเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่ามาทำการรางวัดที่ดินเพื่อหาจุดพิกัดทำโครงการก่อสร้างคลองชลประทานปูนสายใหม่คู่ขนานไปกับคลองชลฯ สายเก่า ซึ่งกลุ่มชาวบ้านเห็นว่าการกระทำของกรมชลประทานฯ ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินพร้อมกับปักเสาหมุดหลักเขตเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถือเป็นการกลั่นแกลังจึงได้พากันมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้ช่วยดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนนายอำนาจ ได้มีคำสั่งให้นายประสาท สุขอินทร์ นายช่างกรมชลประทานกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมชลฯเดินทางมาพบและทำการชี้แจงให้กลุ่มตัวแทนของชาวบ้านทราบถึงการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในการชี้แจงของเจ้าหน้าที่กรมชลประทานยังไม่ทำให้ชาวบ้านเข้าใจ ชาวบ้านได้ตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่ฯว่าเจ้าหน้าที่กรมชลประทานฯ ที่มากระทำเหมือนโจรมาถึงก็บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ชาวบ้านโดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าของที่ดินรับทราบ
นายประสาท กล่าวว่า ตนต้องขอยอมรับว่าเป็นการบกพร่องที่ไม่ได้แจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง 3 หมู่บ้านได้รับรู้รับทราบ ทางกรมชลประทานกาญจนบุรี มีโครงการก่อสร้างคลองปูนระบายน้ำขนาดใหญ่พร้อมคันคลอง กว้าง 25 เมตร ควบคู่ขนานไปกับคลองส่งน้ำสายเก่า ซึ่งตั้งต้นตั้งแต่ที่ ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผ่าน อ.ห้วยกระเจา ไปจนถึง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีความยาวติดต่อกันประมาณ 60 กิโลเมตร
จุดประสงค์การก่อสร้างคลองระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 สายขนานคู่ไปกับของเก่าซึ่งใหญ่กว่า ก็เพื่อระบายน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่อยู่ท้ายคลองที่ปัจจุบันได้รับน้ำไม่พอใช้ และเพื่อเป็นการระบายน้ำให้กับประชาชนที่อยู่ด้านฝั่งขวาได้มีโอกาสใช้น้ำจากคลองชลประทานในการทำอาชีพการเกษตรอย่างทั่วถึง
“คลองชลฯ สายเก่าปัจจุบันนี้ระบายน้ำให้กับประชาชนที่อยู่ฝั่งซ้ายไปจนถึงท้ายคลองซึ่งติดเขต อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ต้องขอยอมรับผิดว่าคือเราได้ทำเรื่องส่งไปยังอำเภอ และผู้นำท้องถิ่นให้ทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำการประชาคมให้ประชาชนในหมู่บ้านต่างๆ ได้รับทราบ โครงการดังกล่าวยังอยู่ในชั้นสำรวจ ยังไม่ได้มีการก่อสร้างแต่อย่างใด จึงต้องขอโทษด้วย ซึ่งในวันที่ 25 เมษายน 2550 นี้จะได้นัดหมายกับกลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆ มานั่งพูดคุยกันที่สวนสมุนไพรของนายชัยรัตน์ นนท์ชัย หรือหมอเณร” นายประสาท กล่าว
ด้านนายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวกับชาวบ้านก่อนเลิกประชุมว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับว่ากรมชลประทานกาญจนบุรีบกพร่องที่ไม่ได้ชี้แจงชาวบ้านให้เข้าใจก่อนอยู่ๆ ก็ไปปักเสาหมุด เรื่องนี้ถ้าชาวบ้านให้ทำก็ทำได้ แต่ถ้าไม่ให้ทำกรมชลประทานฯก็ทำไม่ได้ ถ้ามองกันถึงเรื่องส่วนรวมก็น่าทำเพราะคนที่เดือดร้อนเรื่องน้ำเขาก็ได้ใช้น้ำกัน เรื่องการเวนคืน หรือซื้อที่ดินทางจังหวัดฯ ก็จัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้อย่างยุติธรรมตามราคาประเมินที่ยุติธรรมที่สุด
หมอเณรซึ่งเป็นหมอสมุนไพรชื่อดังได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จากการเกิดกรณีของพระพะยอม ที่ดินที่เป็นโฉนดยังถูกยกเลิกโดยการครอบครองปรปักษ์ทำให้ชาวบ้านต่างผวากับเรื่องเอกสรสิทธิ์ ดังนั้น การที่ใครเข้ามาบุกรุกที่ดินของพวกตนและชาวบ้านโดยไม่บอกกล่าว ในเรื่องนี้เบื้องต้นพวกตนได้ทำการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ต่อจากนั้นวันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหากการร้องเรียนในครั้งนี้ไม่เป็นผลตนได้เตรียมให้ทนายความทำเรื่องร้องเรียนต่อ ปปช.ว่า กรมชลประทานได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป