ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ดีเอชแอล จับมือ “นิ่มซี่เส็ง” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งสินค้าภาคเหนือ เปิดตัว DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ โชว์จุดขายความสะดวก มุ่งเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ เล็งเปิดจุดบริการเพิ่มอีก 2 จุดหากได้รับการตอบรับดี
บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ “นิ่มซี่เส็ง” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งสินค้าของภาคเหนือ ทำการเปิดตัว DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยร้านแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมมนตรี ถนนราชดำเนิน ใกล้ประตูท่าแพและพื้นที่จัดกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์ ที่ถือว่าเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ซึ่งจะบริหารงานโดยบริษัท นิ่มซี่เส็ง พาเซ็ล เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ “นิ่มซี่เส็ง”
การเปิดตัว DHL SERVICEPOINT หรือร้านสะดวกส่งรูปแบบใหม่สาขาเชียงใหม่นั้น นับเป็นสาขาลำดับที่ 6 แต่เป็นการเปิดสาขาลำดับที่ 2 ในต่างจังหวัด หลังจากเปิดสาขาแรกในต่างจังหวัดที่พัทยาไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 โดยที่ DHL SERVICEPOINT นี้ได้รับการออกแบบมาให้มีความทันสมัย และมีความสะดวกสบาย มุ่งเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย
นายเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย ผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประจำภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า ดีเอชแอลมีแผนที่จะขยายสาขาการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเล็งเห็นถึงความต้องการใช้บริการของลูกค้ารายย่อย ได้แก่ นักท่องเที่ยว ลูกค้าชาวไทยตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป รวมทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในพื้นที่
ทั้งนี้การเลือกเปิดสาขาที่เชียงใหม่นั้น เนื่องจากมีศักยภาพ เพราะถือเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ โดยเป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และเป็นจุดเชื่อมต่อกับจังหวัดต่างๆ ของภูมิภาค ตลอดจนมีถนนเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายและมีโครงสร้างฐานที่ดี และเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเอเชียอีกด้วย
นอกจากนี้ นายเฮอร์เบิต กล่าวถึงการตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับนิ่มซี่เส็งว่า มีผู้ที่เสนอตัวเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับดีเอชแอลเพื่อเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ หลายราย โดยมีทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่และต่างพื้นที่ แต่ในที่สุดดีเอชแอลได้ตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับนิ่มซี่เส็ง เพราะเล็งเห็นว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นอย่างแท้จริง รวมทั้งมีการทำงานได้ที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาตลอด
ทำให้มั่นใจว่า การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับนิ่มซี่เส็งในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ให้กับดีเอชแอล โดยเชื่อมั่นว่า DHL SERVICEPOINT ที่เป็นร้านสะดวกส่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยมาตรฐานบริการระดับสากล
ด้านนายเชาวฤทธิ์ สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการบริษัทนิ่มซี่เส็ง พาเซ็ล เซอร์วิส จำกัด ผู้บริหาร DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ กล่าวว่าได้มีการหารือพูดคุยกับทางดีเอชแอลในการที่จะร่วมกันทำธุรกิจนี้เมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นมีผู้ที่เสนอตัวจะร่วมลงทุนเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ อีกหลายรายเหมือนกัน แต่ว่าในที่สุดทางดีเอชแอล ก็ได้ตัดสินใจที่จะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับทางนิ่มซี่เส็ง ซึ่งเหตุผลสำคัญน่าจะมาจากชื่อเสียง และมาตรฐานในการทำธุรกิจด้านนี้ของนิ่มซี่เส็งที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นที่ยอมรับนั่นเอง
ทั้งนี้นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทางดีเอชแอลในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายธุรกิจของนิ่มซี่เส็งแล้ว ยังเป็นการพัฒนายกระดับมาตรฐานของนิ่มซี่เส็งให้สูงขึ้นไปขั้นหนึ่งด้วย ซึ่งการเปิด DHL SERVICEPOINT ในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีอยู่เดิมแต่อย่างใด เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคนละตลาดกัน โดยนอกจากการเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่แล้ว ในอนาคตยังมีเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนอีกด้วย
สำหรับการเลือกทำเลเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ อยู่บนถนนราชดำเนินใกล้ประตูท่าแพและพื้นที่จัดกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์นั้น เพราะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจากเปิดบริการในย่านนี้แล้ว ขณะนี้ยังมีแนวความคิดว่าหากธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดีก็จะมีการเปิดจุดให้บริการในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มอีก 2 จุดภายในปีนี้ โดยจะเลือกทำเลที่เป็นย่านนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นเดิม อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดที่ตั้งว่าจะเป็นที่จุดใด
อนึ่ง ภายในร้านสะดวกส่งรูปแบบใหม่นี้ ดีเอชแอลได้จัดบริการสำหรับลูกค้ารายย่อยที่เรียกว่า EXPRESS4YOU ซึ่งเป็นบริการส่งของหรือสินค้าข้ามประเทศ ที่มีความสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 500 กรัม ไปจนถึง 25 กิโลกรัม เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าบรรจุภัณฑ์และมีการคิดค่าบริการแบบอัตราเดียวตามโซน ขณะเดียวกันยังมีการใช้เทคโนโลยี track-and-trace เพื่อบริการให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของสินค้าได้ตลอดเส้นทางอีกด้วย
บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ “นิ่มซี่เส็ง” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจขนส่งสินค้าของภาคเหนือ ทำการเปิดตัว DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยร้านแห่งนี้ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของโรงแรมมนตรี ถนนราชดำเนิน ใกล้ประตูท่าแพและพื้นที่จัดกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์ ที่ถือว่าเป็นแหล่งชุมนุมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มีความคึกคักมากที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ซึ่งจะบริหารงานโดยบริษัท นิ่มซี่เส็ง พาเซ็ล เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ “นิ่มซี่เส็ง”
การเปิดตัว DHL SERVICEPOINT หรือร้านสะดวกส่งรูปแบบใหม่สาขาเชียงใหม่นั้น นับเป็นสาขาลำดับที่ 6 แต่เป็นการเปิดสาขาลำดับที่ 2 ในต่างจังหวัด หลังจากเปิดสาขาแรกในต่างจังหวัดที่พัทยาไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 โดยที่ DHL SERVICEPOINT นี้ได้รับการออกแบบมาให้มีความทันสมัย และมีความสะดวกสบาย มุ่งเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย
นายเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย ผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประจำภูมิภาคอินโดจีน กล่าวว่า ดีเอชแอลมีแผนที่จะขยายสาขาการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดยเล็งเห็นถึงความต้องการใช้บริการของลูกค้ารายย่อย ได้แก่ นักท่องเที่ยว ลูกค้าชาวไทยตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป รวมทั้งลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในพื้นที่
ทั้งนี้การเลือกเปิดสาขาที่เชียงใหม่นั้น เนื่องจากมีศักยภาพ เพราะถือเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ โดยเป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และเป็นจุดเชื่อมต่อกับจังหวัดต่างๆ ของภูมิภาค ตลอดจนมีถนนเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายและมีโครงสร้างฐานที่ดี และเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของเอเชียอีกด้วย
นอกจากนี้ นายเฮอร์เบิต กล่าวถึงการตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับนิ่มซี่เส็งว่า มีผู้ที่เสนอตัวเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับดีเอชแอลเพื่อเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ หลายราย โดยมีทั้งผู้ประกอบการในพื้นที่และต่างพื้นที่ แต่ในที่สุดดีเอชแอลได้ตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรกับนิ่มซี่เส็ง เพราะเล็งเห็นว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นอย่างแท้จริง รวมทั้งมีการทำงานได้ที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมาตลอด
ทำให้มั่นใจว่า การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับนิ่มซี่เส็งในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ให้กับดีเอชแอล โดยเชื่อมั่นว่า DHL SERVICEPOINT ที่เป็นร้านสะดวกส่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ด้วยมาตรฐานบริการระดับสากล
ด้านนายเชาวฤทธิ์ สุวิทย์ศักดานนท์ กรรมการบริษัทนิ่มซี่เส็ง พาเซ็ล เซอร์วิส จำกัด ผู้บริหาร DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ กล่าวว่าได้มีการหารือพูดคุยกับทางดีเอชแอลในการที่จะร่วมกันทำธุรกิจนี้เมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นมีผู้ที่เสนอตัวจะร่วมลงทุนเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ อีกหลายรายเหมือนกัน แต่ว่าในที่สุดทางดีเอชแอล ก็ได้ตัดสินใจที่จะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับทางนิ่มซี่เส็ง ซึ่งเหตุผลสำคัญน่าจะมาจากชื่อเสียง และมาตรฐานในการทำธุรกิจด้านนี้ของนิ่มซี่เส็งที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นที่ยอมรับนั่นเอง
ทั้งนี้นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับทางดีเอชแอลในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการขยายธุรกิจของนิ่มซี่เส็งแล้ว ยังเป็นการพัฒนายกระดับมาตรฐานของนิ่มซี่เส็งให้สูงขึ้นไปขั้นหนึ่งด้วย ซึ่งการเปิด DHL SERVICEPOINT ในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนส่งสินค้าที่มีอยู่เดิมแต่อย่างใด เพราะกลุ่มลูกค้าเป็นคนละตลาดกัน โดยนอกจากการเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่แล้ว ในอนาคตยังมีเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนอีกด้วย
สำหรับการเลือกทำเลเปิด DHL SERVICEPOINT สาขาเชียงใหม่ อยู่บนถนนราชดำเนินใกล้ประตูท่าแพและพื้นที่จัดกิจกรรมถนนคนเดินทุกวันอาทิตย์นั้น เพราะเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจากเปิดบริการในย่านนี้แล้ว ขณะนี้ยังมีแนวความคิดว่าหากธุรกิจได้รับการตอบรับที่ดีก็จะมีการเปิดจุดให้บริการในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มอีก 2 จุดภายในปีนี้ โดยจะเลือกทำเลที่เป็นย่านนักท่องเที่ยวต่างชาติเช่นเดิม อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดที่ตั้งว่าจะเป็นที่จุดใด
อนึ่ง ภายในร้านสะดวกส่งรูปแบบใหม่นี้ ดีเอชแอลได้จัดบริการสำหรับลูกค้ารายย่อยที่เรียกว่า EXPRESS4YOU ซึ่งเป็นบริการส่งของหรือสินค้าข้ามประเทศ ที่มีความสะดวกยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 500 กรัม ไปจนถึง 25 กิโลกรัม เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด โดยลูกค้าไม่ต้องเสียค่าบรรจุภัณฑ์และมีการคิดค่าบริการแบบอัตราเดียวตามโซน ขณะเดียวกันยังมีการใช้เทคโนโลยี track-and-trace เพื่อบริการให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของสินค้าได้ตลอดเส้นทางอีกด้วย