xs
xsm
sm
md
lg

ชัยภูมิจัดงาน“บุญสรงกู่แดง”-โบราณสถานศักดิ์สิทธ์คู่เมืองกว่าพันปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชัยภูมิจัดงานบุญประเพณี “บุญสรงกู่แดง” โบราณสถานศิลปะขอมโบราณ และสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมานานกว่า 1 พันปี พร้อมสร้างเหรียญวัตถุมงคลรุ่น “นารายณ์ทรงสุบรรณ” เพื่อสมทบตั้งกองทุนบูรณะซ่อมแซมให้เสร็จสมบูรณ์เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และสืบทอดอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ชั่วลูกหลาน

วันนี้ (2 เม.ย.) องค์กรบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ร่วมกับ อำเภอบ้านเขว้า กำนัน -ผู้ใหญ่บ้านพร้อมด้วยชาวบ้านตำบลตลาดแร้งจำนวนมากได้ร่วมกันจัดงานประเพณี “บุญสรงกู่แดง” ประจำปี 2550 ที่บริเวณโบราณสถานปรางค์กู่แดง บ.กุดยาง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ โดยมี นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นประธานเปิดงาน

ภายในงานมีการประกอบพิธีบวงสรวงกู่ และร่วมพิธีสรงน้ำรอบปรางค์กู่แดง หรือ กู่แดง นอกจากนั้นมีการจุดบั้งไฟเสี่ยงทายฝน และการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งถือปฏิบัติเป็นประจำทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปีสร้างความสนุกสนามให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานกันอย่างคึกคัก

นายประยูร ยาคลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตลาดแร้ง กล่าวว่า อบต.ตลาดแร้งร่วมกับ อำเภอบ้านเขว้า พร้อมด้วยชาวบ้านทุกคน ต่างร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานประเพณีนี้ขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้ได้ร่วมกันประกอบพิธีบวงสรวงกู่แดง เปิดหน้าดิน เพื่อขออนุญาตทำการบูรณะซ่อมแซม พร้อมเก็บมวลวัตถุเพื่อนำไปสร้างเหรียญวัตถุมงคลรุ่น “นารายณ์ทรงสุบรรณ” จำนวน 99,999 เหรียญ บูชาเหรียญละ 199 บาท

นอกจากนั้น ยังมีผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อจัดตั้งเป็นกองทุนในการบูรณะซ่อมแซมปรางค์กู่แดงให้เสร็จสมบูรณ์ ตามแบที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานโบราณคดี กรมศิลปากร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2 ล้านบาท ซึ่งทางจังหวัดชัยภูมิได้อนุมัติงบฯเบื้องต้นสำหรับดำเนินการขั้นแรกเป็นค่าขุดแต่งจำนวน 492,000 บาท

ทั้งนี้ ปรางค์กู่แดง หรือกู่แดง บ.กุดยาง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ เป็นโบราณสถานศิลปะขอมโบราณ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณพันกว่าปีแล้ว ปัจจุบันมีสภาพพังทลาย เหลือเพียงส่วนฐานที่ก่อด้วยศิลาแลง ผนังเรือนธาตุบางส่วนก่อด้วยอิฐและกรอบประตูทางเข้าที่ก่อด้วยหินทรายสีชมพูอมแดง

โดยมีเศษชิ้นส่วนประกอบอาคารที่มีคุณค่าทางโบราณคดีพังถล่มลงมา ชาวบ้านได้เก็บรักษาไว้ที่วัดกู่แดง ซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์ปรางค์กู่แดง อันได้แก่ บัวยอดปราสาท เสาประดับกรอบประตู และทับหลังจำนวนหนึ่ง โบราณสถานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตโบราณสถานจากกรมศิลปากร ตามพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 99 ตอนที่ 172 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2525 หน้า 20 (ฉบับพิเศษ)เนื้อที่ทั้งหมด 1 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา

นายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานวันนี้เป็นการแสดงให้เห็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในความร่วมมือร่วมใจที่จะบูรณะปรางค์กู่แดงหรือปราสาทกู่แดงให้เป็นสถานที่เพื่อการสักการะบูชาไว้สืบชั่วลูกหลาน และให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของโบราณสถานแห่งนี้ รวมถึงชุมชนท้องถิ่นและจังหวัดชัยภูมิ

จากการสังเกตโบราณวัตถุและโครงสร้างที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ปรางค์กู่แดงในขณะนี้ เชื่อได้ว่าเดิมคงจะเป็นเทวาลัยหรือศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาฮินดู ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในประเทศไทยจะเป็นลัทธิที่นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ ปราสาทเทวาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในยุคศตวรรษที่ 16 นี้ก็มีอยู่ที่กู่แดง โดยสันนิษฐานว่าอดีตที่ผ่านมา บริเวณนี้คงเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนมานานนับพันๆ ปี แต่อารยะธรรมความเชื่อ การนับถือศาสนา ได้รับอิทธิพลมาจากยุคขอมโบราณโดยช่างท้องถิ่นที่เป็นบรรพบุรุษของเราเอง ซึ่งเป็นคนบูรณะ เป็นคนก่อสร้างสิ่งเหล่านี้

จนกระทั่งการนับถือศาสนาได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยศาสนาพุทธได้เริ่มมีอิทธิพลเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าปัจจุบันที่นี้ก็จะเป็นที่ตั้งของวัดในศาสนาพุทธ เพราะฉะนั้นประวัติความเป็นมาปราสาทกู่แดงจึงเป็นโบราณสถานที่มีความเป็นมาต่อเนื่องยาวนาน ถือเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของประชาชนในเขตนี้ ที่ต่างมีจิตสำนึกในสิ่งที่ดีงามและต้องการจะรักษาสิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างสมเอาไว้

นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า สิ่งต่อไปที่จะต้องทำ ต้องขอความร่วมมือให้ชาวบ้านทุกคน คือเมื่อมีการขุดค้นแล้ว พบสิ่งของอันเป็นโบราณวัตถุ เป็นสิ่งของสำคัญต่างๆ จะต้องร่วมกันดูแลรักษาไว้ อย่าให้ใครเบียดบังเอาไปเป็นทรัพย์สินส่วนตัว โดยเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะสร้างคุณค่าให้กับโบราณสถานเหล่านี้

“ดังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัส เกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือโบราณสถานว่า แม้อิฐเก่าๆ เพียงก้อนเดียวก็สามารถบอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา เป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้คนที่เป็นเจ้าของมรดกนั้น” นายศุภกิจ กล่าวในตอนท้าย









กำลังโหลดความคิดเห็น