กาญจนบุรี - สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี แฉ ตรวจสอบพบพระสงฆ์ในพื้นที่ไทรโยคเป็นต้นตอแจกยาสมุนไพร มีสารสเตียรอยด์ จนทำให้พบผู้ป่วย 17 ราย ที่ห้วยกระเจา สั่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบอย่าหลงเชื่อ ขณะที่พระที่แจกยาสมุนไพรให้ชาวบ้านหายตัวไปแล้ว
วันนี้ (1 เม.ย.) เวลา 12.30 น.นายแพทย์ บุญนำ ชัยวิสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเตือนภัยเกี่ยวกับเรื่องรถเร่ขายยาสมุนไพรในชนบท ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว โดยชาวบ้านบ้านสันติสุข หมู่ 22 ที่แยกพื้นที่มาจากบ้านตะลุงใต้ หมู่ 6 ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 17 ราย เกิดอาการผิดปกติรับประทานยาสมุนไพรลูกกลอนจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
โดยชาวบ้านเล่าว่า พระสงฆ์รูปนี้มาจาก อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้นำยาสมุนไพรมาแจกให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านให้ความเชื่อถือในพระสงฆ์อยู่แต่เดิมแล้ว โดยชาวบ้านใกล้เคียงบางคนบอกว่า รับประทานยาสมุนไพรของพระรูปนั้นแล้วมีอาการหายป่วย จึงนิมนต์พระมาที่หมู่บ้านและเรียกชาวบ้านมารับยาสมุนไพร โดยอ้างสรรพคุณรักษาโรคได้หลายอย่าง
เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคที่ชาวชนบทเป็นกันบ่อย เช่น ปวดเมื่อย ไม่มีแรงทำงาน ซึ่งมีชาวบ้านบางส่วนเชื่อ บางคนรับยาจากพระก็ทำบุญถวายปัจจัยเป็นเงินบ้านเป็นสิ่งของอื่นๆ บ้าง และเมื่อกลับมาบ้าน ชาวบ้านรับประทานยาเหล่านี้ไปจากนั้นก็เกิดอาการป่วยผลข้างเคียงน่าจะเกิดจากยาสมุนไพรที่รับประทานดังกล่าว
โดยผู้ป่วยทุกคนมีง่วงซึมอย่างเฉียบพลัน หน้ามืด และลืมตาไม่ขึ้น และได้เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.บ่อพลอย บางรายก็เดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งทางสาธารณสุขอำเภอห้วยกระเจาทราบเรื่อง จึงรายงานมาที่สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงส่งทีมแพทย์และสาธารณสุขลงไปสืบสวนโรค ซึ่งทางโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำในกระเพาะอาหาร และยาลูกกลอน และยาทาที่พระสงฆ์ให้มานำส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขตรวจพิสูจน์ โดยทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ส่งผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า ตรวจพบสารสเตียรอยด์ชนิดเด๊กซ่าเมทาโซน และเพรดนิโซโลน
นายแพทย์ บุญนำ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ทราบผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว แพทย์ได้ทำการรักษาผู้ป่วยจนหายเป็นปกติและเพื่อเป็นการป้องกัน ตนได้สั่งการให้สาธารณสุขอำเภอและสถานีอนามัยต่างรวมถึง อสม.ในเขตพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ให้ทราบเรื่องดังกล่าวและให้ช่วยกันลงพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์แนะนำเรื่องเหล่านี้ต่อประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
โดยอีกด้านหนึ่งก็รายงานเข้ากระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทราบถึงภัยที่อาจจะชาวบ้านในชนบทที่อาจจะตกเป็นเหยื่อในการรับประทานยาสมุนไพรตามความเชื่อของชาวบ้านที่รู้ไม่เท่าทันกับเหล่ามิจฉาชีพที่มักจะมีการกระทำที่หลอกลวงต้มตุ๋นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ตนถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของประชาชน จึงได้ดำเนินการป้องกันอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญ คือ การให้ความรู้กับชาวบ้านต้องรู้เท่าทันเพราะชาวบ้านในชนบทต่างเชื่อถือพระสงฆ์อยู่เป็นทุนอยู่แล้ว ในส่วนนี้เรามีการติดตามไปที่ อ.ไทรโยค ด้วยแต่ไม่พบตัวพระสงฆ์ที่ชาวบ้านกล่าวถึงแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ทำเป็นหนังสือประสานแจ้งไปยังจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อแจ้งให้นายอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้านรวมถึง อปท.ทุกแห่งในพื้นที่กาญจนบุรี เพื่อรับทราบเรื่องนี้แล้วตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
วันนี้ (1 เม.ย.) เวลา 12.30 น.นายแพทย์ บุญนำ ชัยวิสุทธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเตือนภัยเกี่ยวกับเรื่องรถเร่ขายยาสมุนไพรในชนบท ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว โดยชาวบ้านบ้านสันติสุข หมู่ 22 ที่แยกพื้นที่มาจากบ้านตะลุงใต้ หมู่ 6 ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี จำนวน 17 ราย เกิดอาการผิดปกติรับประทานยาสมุนไพรลูกกลอนจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
โดยชาวบ้านเล่าว่า พระสงฆ์รูปนี้มาจาก อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้นำยาสมุนไพรมาแจกให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านให้ความเชื่อถือในพระสงฆ์อยู่แต่เดิมแล้ว โดยชาวบ้านใกล้เคียงบางคนบอกว่า รับประทานยาสมุนไพรของพระรูปนั้นแล้วมีอาการหายป่วย จึงนิมนต์พระมาที่หมู่บ้านและเรียกชาวบ้านมารับยาสมุนไพร โดยอ้างสรรพคุณรักษาโรคได้หลายอย่าง
เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคที่ชาวชนบทเป็นกันบ่อย เช่น ปวดเมื่อย ไม่มีแรงทำงาน ซึ่งมีชาวบ้านบางส่วนเชื่อ บางคนรับยาจากพระก็ทำบุญถวายปัจจัยเป็นเงินบ้านเป็นสิ่งของอื่นๆ บ้าง และเมื่อกลับมาบ้าน ชาวบ้านรับประทานยาเหล่านี้ไปจากนั้นก็เกิดอาการป่วยผลข้างเคียงน่าจะเกิดจากยาสมุนไพรที่รับประทานดังกล่าว
โดยผู้ป่วยทุกคนมีง่วงซึมอย่างเฉียบพลัน หน้ามืด และลืมตาไม่ขึ้น และได้เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.บ่อพลอย บางรายก็เดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งทางสาธารณสุขอำเภอห้วยกระเจาทราบเรื่อง จึงรายงานมาที่สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ตนจึงส่งทีมแพทย์และสาธารณสุขลงไปสืบสวนโรค ซึ่งทางโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำในกระเพาะอาหาร และยาลูกกลอน และยาทาที่พระสงฆ์ให้มานำส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขตรวจพิสูจน์ โดยทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ส่งผลการตรวจพิสูจน์ปรากฏว่า ตรวจพบสารสเตียรอยด์ชนิดเด๊กซ่าเมทาโซน และเพรดนิโซโลน
นายแพทย์ บุญนำ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ทราบผลการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว แพทย์ได้ทำการรักษาผู้ป่วยจนหายเป็นปกติและเพื่อเป็นการป้องกัน ตนได้สั่งการให้สาธารณสุขอำเภอและสถานีอนามัยต่างรวมถึง อสม.ในเขตพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ให้ทราบเรื่องดังกล่าวและให้ช่วยกันลงพื้นที่ทำการประชาสัมพันธ์แนะนำเรื่องเหล่านี้ต่อประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
โดยอีกด้านหนึ่งก็รายงานเข้ากระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ทราบถึงภัยที่อาจจะชาวบ้านในชนบทที่อาจจะตกเป็นเหยื่อในการรับประทานยาสมุนไพรตามความเชื่อของชาวบ้านที่รู้ไม่เท่าทันกับเหล่ามิจฉาชีพที่มักจะมีการกระทำที่หลอกลวงต้มตุ๋นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ตนถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของประชาชน จึงได้ดำเนินการป้องกันอย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญ คือ การให้ความรู้กับชาวบ้านต้องรู้เท่าทันเพราะชาวบ้านในชนบทต่างเชื่อถือพระสงฆ์อยู่เป็นทุนอยู่แล้ว ในส่วนนี้เรามีการติดตามไปที่ อ.ไทรโยค ด้วยแต่ไม่พบตัวพระสงฆ์ที่ชาวบ้านกล่าวถึงแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ทำเป็นหนังสือประสานแจ้งไปยังจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อแจ้งให้นายอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้านรวมถึง อปท.ทุกแห่งในพื้นที่กาญจนบุรี เพื่อรับทราบเรื่องนี้แล้วตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว