พิษณุโลก - เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะยื่นฟ้องกรมทางหลวงต่อศาลปกครองพิษณุโลกเรียกร้องค่าเวนคืนที่ดินรวมเป็นเงินกว่า 62 ล้านบาท จากกรณีใช้ที่ดินวัดสร้างถนนมิตรภาพตั้งแต่ปี 2502 แต่ถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับเงินชดเชย
รายงานจากจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่าวานนี้(30 มี.ค.50) พระครูสิทธิธรรมวิภัช (สำลี หงษาชุม ) เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะเดินทางพร้อมนายสุรพล พิพัฒน์ศาสตร์ ทนายความได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกเรียกร้องค่าผาติกรรม หรือค่าเวนคืนที่ดินจากกรมทางหลวง โดยศาลปกครองพิษณุโลกได้รับฟ้องเป็นคดีดำหมายเลขที่ 72/2550
ทั้งนี้รายละเอียดในการฟ้องระบุว่า วัดราชบูรณะ โดยพระครูสิทธิธรรมภิวัช (สำลี หงษาชุม) มีภูมิลำเนาอยู่ที่วัดราชบูรณะ เลขที่ 16/169 ถ.บรมไตรโลกนารถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีความประสงค์ฟ้องนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อดิบดีกรมทางหลวง ให้ผู้ถูกฟ้องคดี ชำระค่าเสียหายจากการใช้ที่ดินของวัด เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 7 ตาราวาง ที่ใช้สร้างถนนมิตรภาพตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งในช่วงนั้นที่กรมทางหลวงได้มาใช้ที่ดินของวัด ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 310 ตำบลในเมือง ได้สร้างความเสียหายด้านโบราณวัตถุ กุฏิวัดและอาคาร ของวัดราชบูรณะและวัดนางพญา โดยครั้งนั้นกรมทางหลวงชำระค่าเสียหายด้านโบราณวัตถุจำนวน 1,800,000 บาท เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2502 แต่กรมทางหลวงยังไม่ยอมจ่ายค่าเวนคืนที่ดินแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2544 กรมทาหลวงมีโครงการก่อสร้างปรับปรุงสะพานนเรศวร ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ได้มีการขยายถนนเป็น 6 เลน และในปี 2545 กรมทางหลวงได้ตั้งกรรมการปรองดองเพื่อจ่ายค่าผาติกรรมให้กับวัดราชบูรณะ พร้อมกับดำเนินการบ่างแยกโฉนดที่ดินของวัดราชบูรณะเลขที่ 310 โดยแบ่งโฉนดเป็นชื่อของวัดราชบูรณะในส่วนที่ถูกพัฒนาเป็นถนนทางหลวงหมายเลข 12 เป็น 2 แปลง แบ่งเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 111875 เนื้อที่ 2 ไร่ 72 ตรว. และโฉนดที่ดินเลขที่ 111561 เนื้อที่ 35 ตรว. หลังถูกแบ่ง วัดราชบูรณะได้ประเมินราคาที่ดินจากราคาประเมินตรว.ละ 65,000 บาท รวมเนื้อที่โฉนด 2 แปลงที่ถูกกรมทางหลวงนำไปพัฒนาเป็นถนน2 ไร่ 1 งาน 7 ตรว. คิดเป็นเงิน 58,955,000 บาท
พระครูสิทธิธรรมวิภัชระบุต่อว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 วัดราชบูรณะได้มอบอำนาจสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการทวงถามค่าผาติกรรมที่ดินกลับกรมทางหลวงแล้ว และต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 กรมทางกลวงกลับมาหนังสือแจ้งกลับมาที่วัดราชบูรณะว่า ได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้วจำนวน 1.8 ล้านบาท มอบให้แก่กรมศาสนาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2502 ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นเงินชดเชยสิ่งปลูกสร้าง ที่กรมทางหลวงจ่ายให้กับวัดนางพญาและวัดราชบูรณะ
โดยวัดราชบูรณะได้เงินสมัยนั้นจำนวน 810,000 บาท ครั้งนั้นได้นำไปซ่อมแซมอุโบสถ และสร้างกุฏิพระที่เสียหายจากการตัดถนน ไม่ใช่ค่าชดเชยที่ดิน หรือค่าผาติกรรม ดังนั้น วัดราชบูรณะจึงฟ้องต่อกรมทางหลวงให้จ่ายเงินค่าผาติกรรมที่ดินจำนวน 58,955,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปีของเงินต้น นับตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 ถึงวันฟ้องศาลปกครองเป็นเวลา 9 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย 3,313,125 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวน 62,268,125 บาท ซึ่งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความปกครองพ.ศ.2542 มาตรา 9 ( 3 ) และอยู่ในอำนาจของศาลปกครองพิษณุโลกที่จะพิจารณาพิพากษา
หลังจากยื่นฟ้องศาลปกครองพิษณุโลกแล้ว พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ต้องมาฟ้องร้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกว่า เป็นเรื่องค้างคามาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ตนได้เดินเรื่องตามขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2545 เมื่อเริ่มมีการวัดและแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่ถูกกรมทางหลวงนำไปสร้างถนน และเรื่องต่าง ๆ ได้มาสิ้นสุดลงเมื่อกรมทางหลวงมีเอกสารแจ้งให้ทางวัดให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 7 ตรว. ให้กับกรมทางหลวง
“ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัด อาตมาไม่มีหน้าที่และสิทธิในการโอนที่ดินของวัดให้หน่วยงานใดแม้แต่ตารางวาเดียว และเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของพระพุทธศาสนา และทำตามหน้าที่ของเจ้าอาวาส สุดท้ายจึงต้องมาฟ้องร้องที่ศาลปกครองพิษณุโลก ส่วนเงินค่าผาติกรรมที่เรียกร้องไปนั้น ถือว่าเป็นเงินของวัด ไม่ใช่เงินของอาตมา หากได้เงินมาจะต้องรักษาเงินต้นไว้เป็นสมบัติของวัด จะใช้ได้แต่เพียงดอกผลในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา” พระครูสิทธิธรรมวิภัชกล่าว
รายงานจากจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่าวานนี้(30 มี.ค.50) พระครูสิทธิธรรมวิภัช (สำลี หงษาชุม ) เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะเดินทางพร้อมนายสุรพล พิพัฒน์ศาสตร์ ทนายความได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกเรียกร้องค่าผาติกรรม หรือค่าเวนคืนที่ดินจากกรมทางหลวง โดยศาลปกครองพิษณุโลกได้รับฟ้องเป็นคดีดำหมายเลขที่ 72/2550
ทั้งนี้รายละเอียดในการฟ้องระบุว่า วัดราชบูรณะ โดยพระครูสิทธิธรรมภิวัช (สำลี หงษาชุม) มีภูมิลำเนาอยู่ที่วัดราชบูรณะ เลขที่ 16/169 ถ.บรมไตรโลกนารถ อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีความประสงค์ฟ้องนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ อดิบดีกรมทางหลวง ให้ผู้ถูกฟ้องคดี ชำระค่าเสียหายจากการใช้ที่ดินของวัด เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 7 ตาราวาง ที่ใช้สร้างถนนมิตรภาพตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งในช่วงนั้นที่กรมทางหลวงได้มาใช้ที่ดินของวัด ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 310 ตำบลในเมือง ได้สร้างความเสียหายด้านโบราณวัตถุ กุฏิวัดและอาคาร ของวัดราชบูรณะและวัดนางพญา โดยครั้งนั้นกรมทางหลวงชำระค่าเสียหายด้านโบราณวัตถุจำนวน 1,800,000 บาท เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2502 แต่กรมทางหลวงยังไม่ยอมจ่ายค่าเวนคืนที่ดินแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อปีพ.ศ.2544 กรมทาหลวงมีโครงการก่อสร้างปรับปรุงสะพานนเรศวร ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ได้มีการขยายถนนเป็น 6 เลน และในปี 2545 กรมทางหลวงได้ตั้งกรรมการปรองดองเพื่อจ่ายค่าผาติกรรมให้กับวัดราชบูรณะ พร้อมกับดำเนินการบ่างแยกโฉนดที่ดินของวัดราชบูรณะเลขที่ 310 โดยแบ่งโฉนดเป็นชื่อของวัดราชบูรณะในส่วนที่ถูกพัฒนาเป็นถนนทางหลวงหมายเลข 12 เป็น 2 แปลง แบ่งเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 111875 เนื้อที่ 2 ไร่ 72 ตรว. และโฉนดที่ดินเลขที่ 111561 เนื้อที่ 35 ตรว. หลังถูกแบ่ง วัดราชบูรณะได้ประเมินราคาที่ดินจากราคาประเมินตรว.ละ 65,000 บาท รวมเนื้อที่โฉนด 2 แปลงที่ถูกกรมทางหลวงนำไปพัฒนาเป็นถนน2 ไร่ 1 งาน 7 ตรว. คิดเป็นเงิน 58,955,000 บาท
พระครูสิทธิธรรมวิภัชระบุต่อว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 วัดราชบูรณะได้มอบอำนาจสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการทวงถามค่าผาติกรรมที่ดินกลับกรมทางหลวงแล้ว และต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 กรมทางกลวงกลับมาหนังสือแจ้งกลับมาที่วัดราชบูรณะว่า ได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้วจำนวน 1.8 ล้านบาท มอบให้แก่กรมศาสนาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2502 ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นเงินชดเชยสิ่งปลูกสร้าง ที่กรมทางหลวงจ่ายให้กับวัดนางพญาและวัดราชบูรณะ
โดยวัดราชบูรณะได้เงินสมัยนั้นจำนวน 810,000 บาท ครั้งนั้นได้นำไปซ่อมแซมอุโบสถ และสร้างกุฏิพระที่เสียหายจากการตัดถนน ไม่ใช่ค่าชดเชยที่ดิน หรือค่าผาติกรรม ดังนั้น วัดราชบูรณะจึงฟ้องต่อกรมทางหลวงให้จ่ายเงินค่าผาติกรรมที่ดินจำนวน 58,955,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปีของเงินต้น นับตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2549 ถึงวันฟ้องศาลปกครองเป็นเวลา 9 เดือน คิดเป็นดอกเบี้ย 3,313,125 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวน 62,268,125 บาท ซึ่งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความปกครองพ.ศ.2542 มาตรา 9 ( 3 ) และอยู่ในอำนาจของศาลปกครองพิษณุโลกที่จะพิจารณาพิพากษา
หลังจากยื่นฟ้องศาลปกครองพิษณุโลกแล้ว พระครูสิทธิธรรมวิภัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ต้องมาฟ้องร้องต่อศาลปกครองพิษณุโลกว่า เป็นเรื่องค้างคามาหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ตนได้เดินเรื่องตามขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2545 เมื่อเริ่มมีการวัดและแบ่งแยกโฉนดที่ดินที่ถูกกรมทางหลวงนำไปสร้างถนน และเรื่องต่าง ๆ ได้มาสิ้นสุดลงเมื่อกรมทางหลวงมีเอกสารแจ้งให้ทางวัดให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 7 ตรว. ให้กับกรมทางหลวง
“ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัด อาตมาไม่มีหน้าที่และสิทธิในการโอนที่ดินของวัดให้หน่วยงานใดแม้แต่ตารางวาเดียว และเพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของพระพุทธศาสนา และทำตามหน้าที่ของเจ้าอาวาส สุดท้ายจึงต้องมาฟ้องร้องที่ศาลปกครองพิษณุโลก ส่วนเงินค่าผาติกรรมที่เรียกร้องไปนั้น ถือว่าเป็นเงินของวัด ไม่ใช่เงินของอาตมา หากได้เงินมาจะต้องรักษาเงินต้นไว้เป็นสมบัติของวัด จะใช้ได้แต่เพียงดอกผลในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา” พระครูสิทธิธรรมวิภัชกล่าว