ศูนย์ข่าวศรีราชา- ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เปิดสถานีตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์อย่างเป็นทางการ โดยเน้นป้องกันการลักลอบ-หลีกเลี่ยงภาษี สิ่งผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ ที่นำเข้า-ส่งออกผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง
วันนี้ ( 14 มี.ค.) นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดสถานีตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ ณ ศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ บริเวณสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมีนายชวลิต เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เป็นจำนวนมาก
นายสมหมาย กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ การค้าระหว่างประเทศได้มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนย้ายของสินค้า จะต้องสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีอุปสรรคน้อยที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาในหลากหลายรูปแบบ ที่สำคัญจะต้องมีระบบควบคุมการนำเข้า-ส่งออกที่ได้มาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เพื่อให้แนวทางในการพัฒนา สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้ โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ควบคุมการนำเข้าส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความถูกต้อง เป็นธรรม สร้างมาตรฐานการให้บริการทางศุลกากรที่สะดวกรวดเร็ว พร้อมปกป้องความปลอดภัยของสังคม ด้วยการนำระบบตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์มาใช้ในการตรวจสอบตู้สินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกยุทธ์หนึ่ง ที่ช่วยผลักดันให้ภารกิจของศุลกากรบรรลุเป้าหมายที่กระทรวงการคลังวางเป้าหมายไว้
ด้านนายชวลิต เศรษฐเมธีกุล สถานีดังกล่าว เป็นโครงการนำเครื่องเอกซเรย์มาใช้ในการตรวจสอบตู้สินค้า ระยะที่ 2 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นมูลค่า 25,640,000 เหรียญสหรัฐ ติดตั้ง ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง 2 จุด บริเวณ สถานีตรวจสอบตู้สินค้าที่ 1 บริเวณ C-Gate และสถานีตรวจสอบตู้สินค้าที่ 2 บริเวณตรงข้ามท่า A0
สำหรับเครื่องเอกซเรย์ สามารถตรวจสอบสินค้าภายในตู้โดยไม่ต้องเปิดตู้ตรวจสอบ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสินค้าแล้ว ผู้ประกอบการยังสามารถเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น อันเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ และสร้างความโปร่งใสในการตรวจสอบสินค้าและการจัดเก็บภาษีอากร ป้องกันการลักลอบและหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร
ที่สำคัญสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศว่า สินค้าที่นำเข้าและส่งออกจากประเทศไทยผ่านท่าเรือแหลมฉบัง มีความปลอดภัยจากสินค้าอันตราย และสารกัมมันตภาพรังสี เพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่อาจมากับตู้สินค้าส่งออก ซึ่งเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยได้เป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา สามารถตรวจสอบผู้กระทำความผิด ในช่วงเดือนมกราคม 2549-กุมภาพันธ์ 2550 ได้ทั้งสิ้น 22 ราย มูลค่ากว่า 29 ล้านบาท