ศูนย์ข่าวขอนแก่น – เสี่ยใหญ่เจ้าของห้างฯดังเมืองขอนแก่น “เซ็นโทซ่า” โร่รับทราบข้อกล่าวหาวางเพลิงห้างตัวเอง หลังตำรวจขออำนาจศาลออกหมายเรียก ขณะที่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ยืนยันขอให้การในชั้นศาล ด้านตำรวจเชื่อพยานหลักฐานแน่นหนา สามารถมัดตัวผู้ต้องหาเอาผิดได้
เย็นวันนี้(7 มี.ค.) ที่ สภ.อ.เมืองขอนแก่น นายสัญชัย ชินจตุรภัทร อายุ 45 ปี เจ้าของห้างเซ็น โทซ่า และผู้ต้องหาวางเพลิงห้างของตนเอง เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจขออำนาจศาลออกหมายเรียก ในข้อกล่าวหาว่าร่วมกันวางเพลิงเผาโรงเรือนอันเป็นที่เก็บสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ นางกุลสิณี ชินจตุรภัทร และ นางจันทร์ฉาย ล้อศิริ พี่สาว ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวแล้ว
พ.ต.อ.สันติ ไทยเสถียร ผกก.สภ.อ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้ตำรวจมั่นใจว่าจะเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ เพราะว่าหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการที่จะตั้งข้อหาได้ และจากการส่งสำนวนให้ศาลเพื่อออกหมายเรียกนั้น ในเบื้องต้นศาลก็เชื่อจึงได้ออกหมายเรียกเพื่อแจ้งข้อหาครั้งนี้ แต่ข้อมูลบางข้อมูลก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างเช่นวัตถุที่เราเชื่อว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ใช้ก่อเหตุ หรือเหตุจูงใจที่นำไปสู่การกระทำความผิด เพราะอาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานโดนฟ้องกลับได้ ถ้าหลักฐานของตำรวจไม่แน่นพอ
“ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา นอกจากเป็นเจ้าของห้างฯแล้ว ยังเป็นผู้พิพากษาศาลสมทบด้วย จึ่งต้องทำด้วยความรอบคอบที่สุด แต่ในขณะนี้ตำรวจเองก็มั่นใจในพยานหลักฐานว่าเอาผิดผู้ต้องได้แน่ ถึงแม้ว่าในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ และจะไปให้การและสู่คดีในชั้นศาลก็ตาม”พ.ต.อ.สันติ กล่าวและว่า
คดีนี้หากตำรวจไม่มั่นใจ ก็คงจะไม่ออกหมายเรียก ที่ออกหมายเรียกเพราะว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่บ่งบอกในการกระทำความผิดอย่างนี้ ผู้ต้องหาอาจจะหาเหตุผลหรือพยานหลักฐานมาแก้ต่าง ก็ต้องต่อสู้กันในทางคดี
ส่วนหลักฐานที่บ่งบอกและทำให้ตำรวจเชื่อว่าเป็นการวางเพลิงมีอยู่ 2 ชิ้น ซึ่งได้ส่งไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังคงเหลืออีกชิ้นที่ยังไม่ส่งกลับมา และเชื่อว่าหลักฐานทั้ง 2 ชิ้นนี้ จะมีน้ำหนักพอ สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่ เพราะหลักฐานที่ส่งไปตรวจสอบเป็นวัตถุประเภทที่นำไฟ แต่ในเบื้องต้นไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าวัตถุนั้นเป็นอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสัญชัย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในช่วงบ่าย โดยใช้เวลาในการสอบสวนกว่า 3 ชั่วโมง ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและห้ามผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพข้างในห้องสอบสวน
หลังจากที่เข้าไปพบพนักงานสอบสวนเสร็จ ผู้สื่อข่าวได้เข้าขอสัมภาษณ์ แต่นายสัญชัยปฏิเสธ และได้เดินออกมาด้วยความเร่งรีบโดยใช้หนังสือปิดบังหน้าตนเอง แล้วเดินขึ้นไปชั้น 2 และวิ่งออกประตูหลังสถานีตำรวจ ขับรถออกไป