xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบัญชีดำแก๊งมาเฟียต่างชาติในพัทยา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอุลริค โวล์ฟกัง มาเฟียเยอรมันผู้อื้อฉาว กลับมาจนมุมตำรวจพัทยาอีกครั้งเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 49
รายงาน
ศูนย์ข่าวภูมิภาค


พัทยาเมืองท่องเที่ยวชื่อดังก้องโลก สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวปีละหลายพันหลายหมื่นล้านบาท เกิดอาการสะอึก ภาพลักษณ์ตกต่ำ ถูกขึ้นบัญชีเป็นเมืองอันตรายต่อนักท่องเที่ยว เต็มไปด้วยอาชญากรรม ข่าวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดนทำร้าย โดนทุบตี โดนแทง โดนฉกชิงวิ่งราวและอื่นๆเกิดขึ้นเป็นประจำ และรุนแรงขึ้นตั้งแต่ ปี 2545 เป็นต้นมา

และที่สร้างความตื่นตระหนกถึงขีดสุดในวันนี้ ก็คือเหตุคนร้ายเดินเข้าไปจ่อยิงน.ส.ทซิมเฟอร์ ทาเทียนา ( Tsimfer Tatiana) และน.ส.สเวียโกวา ลุยบอฟ (Svirkova Liubov) พนักงานขายของห้างสรรพสินค้าในรัสเซีย จบชีวิตลงอย่างสยดสยองริมหาดพัทยา ตอนเช้ามืดของวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

การเสียชีวิตของ 2 สาวรัสเซียครั้งนี้ มีข้อสงสัยต่อปมสังหารต่างๆ นานา แต่ที่แน่ๆ แฟ้มประวัติมาเฟียต่างชาติในพัทยาถูกปัดฝุ่นนำกลับมาดูกันอีกครั้ง

**ตำนานมาเฟียเมืองพัทยา -พลิกแฟ้มวายร้ายต่างชาติ

ปลายปี 2530 เป็นต้นมา เรื่องราวของมาเฟียชาวต่างชาติในเมืองพัทยา ถูกเปิดเผยขึ้น เริ่มจากนายโลธาร์ ครุนซ์ ลุนซ์แมน ชาวเยอรมัน ในคราบของนักธุรกิจการท่องเที่ยว เช่าโรงแรมใกล้สถานีตำรวจพัทยา เพื่อรับรองนักท่องเที่ยวและลงทุน เป็นเจ้าของสถานบริการหลายแห่ง มีบารมีแผ่ขยายไปตามสถานที่ราชการ ตำรวจ ฝ่ายปกครองที่มีอำนาจออกใบอนุญาตประกอบการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สรรพสามิตด้วย.

นายโลธาร์ถูกตั้งข้อสงสัยว่าค้ายาเสพติดไปยังต่างประเทศผ่านเรือสินค้า แต่ ก็ไม่มีรายงานการจับกุมที่เป็นทางการ จนปี 2531 มีคดีสังหารชาวเยอรมันที่มาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา รวมทั้งนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ ขณะที่ผู้ประกอบการในเมืองพัทยา ถูกเรียกค่าคุ้มครอง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของลูกน้องนายโลธาร์

ต่อมาเรื่องราวของนายโลธาร์ ถูกเปิดเผยในที่ประชุมระดับข้าราชการจังหวัดและปีดังกล่าว เกิดคดีสังหารชาวเยอรมันและออสเตรียหลายคนที่มีเรื่องขัดแย้งกับนายโลธาร์ จนในที่สุดวายร้ายจากเมืองเบียร์ก็ถูกขึ้นบัญชีดำของตำรวจไทยในปี 2534 นำไปสู่การเนรเทศนายโลธาร์กลับเยอรมนี

**อุลริค โวล์ฟกัง มาเฟียจอมฉาว

เมื่อนายโลธาร์ ถูกเนรเทศออกไป ชื่อของ นายอุลริค โวล์ฟกัง ชาวเยอรมันอีกคน ก็โผล่ออกมาขึ้นมาแทน เพื่อดูแลกิจการที่นายโลธาร์ได้ลงทุนเอาไว้ แต่ในที่สุด นายอุลริคก็ถูกจับกุมเมื่อ 14 ก.ย. 41 หลังจากถูกขึ้นบัญชีดำของกระทรวงมหาดไทยที่ 689/2540

ช่วงปี 2539 - 2542 มาเฟียต่างชาติในพัทยา กลายเป็นจุดสนใจ เมื่อมีคำสั่งปราบปรามโดยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีการตั้งสำนักงานปราบปรามวายร้ายข้ามชาติ เพื่อรวบรวมประวัติของชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์

ขณะที่ชื่อของนายอุลริค โวล์ฟกัง ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง มีการจัดพิมพ์หนังสือชื่อสุดอัปยศ แก๊งยาเสพติด อุลริค โวล์ฟกัง ออกแจกจ่าย นอกจากนั้นยังมีหนังสือบันทึกลับมากของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แฉพฤติกรรมส่งหญิงค้าประเวณี ยาเสพติดและอื่นๆ

สำหรับ นายอุลริค มีภรรยาชาวไทยเป็นช่างเสริมสวย รสนิยมเดียวกันกับนายโลธาร์ คือมีเรือยอร์ช ถึง2 ลำ ชื่อ แบล็คมันนี่ และ ลาสต์มันนี่ ราคานับ 100 ล้านบาท ซึ่งต่อมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไว้

เรื่องของนายอุลริค จบลงด้วยการถูกเนรเทศ พร้อมกับดึงเอาผู้คนในวงการสื่อ ทนายความ นักการเมืองหลายระดับเขาไปพัวพันด้วย และล่าสุด เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 49 นายอุลริค หลบเข้าไทยอีกครั้ง แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองพัทยาไปพบขณะพักอยู่ที่บ้านพักเดิมในพัทยา จึงเข้าจับกุมและส่งตัวกลับประเทศ

** 34 ต่างชาติติดบัญชีดำห้ามเข้าไทย.

ในช่วงที่เกิดคดีนายอุลริคนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ทำบัญชีดำชาวต่างชาติ 34 คน ที่ต้องห้ามเข้าประเทศ ประกอบไปด้วย

1. Earil Craig Grossman 2.Nicholas Lance Mason 3. Jamie Dennis Carpenter 4.Taylor Albert Eugene (all from Canada ) 5. Kine Tomatsu 6.Sugahara Toru 7. Watanabe Toshimtsu (from Japan) 8.Lama Narayan singh(Robby) 9.Wilson Barry Dean of SNiger 10.Eric Paul Ribette of France

11.Lim Siew Hong 12.Chai keng Keong 13.Lee Dan Huat From Malaysia 14. Low Gin Ang of Singapore 15. Zari Andrea of Italy 16.Sakid Mesrinenejad Nepal 17. Wolfgang Ullrich of Germany 18.Brend Claus Patter 19.Hofmann Edmund 20.Mathias Riederer Stehlan (from Germany) 21.Peter Michael Moss 22. Kelly Raymond Arthur (from Australia) 23.Harell Juha Heikki of Finland 24. Abdulah Alsubaie 25. Ahmed Aan Abdulaziz of Kuwait 26.Roger Pedersen of Norway

27. Verraes Jorgen Achiel (ฺBoris) of Begium 28. Senad Bojandic of Yugoslavia 29.Yves Andre Ducommun 30. Oliver Edgar Aggelmann 31. Max Schneebeli ( form Switzerland) 32.Ivan Kenneth Bik of Sweden 33. Ahmed Ali Mirza Aboll Rahman 34 . Ahmed Smaim Alhwaidi of the United Arab Emiates

**บัญชีดำมาเฟียฉบับตำรวจพัทยา

ทางด้านบัญชีดำของสถานีตำรวจภูธรตำบลพัทยา ปี 2540 ได้ให้รายละเอียดขบวนการมาเฟีย 10 กลุ่มจากการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ของนายตำรวจยศ พ.ต.ท.นายหนึ่ง ของเมืองพัทยา และรายงานต่อ ผกก. ภ. จังหวัดชลบุรี ดังนี้
.
1. กลุ่มของนาย อูริค โวล์ฟกัง เป็นชาวเยอรมัน มีภรรยาคนไทยชื่อนางรสริน ชัยสายัณห์ มีบุตรสาว 1 คน อยู่บ้านเลขที่ 162/ 64 หมู่บ้านจอมเทียน นิเวศน์ หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี กิจการประกอบด้วย
1.Bavaria House 1 ตั้งอยู่ 234 /5 หมู่ 10 ตำบลบางละมุง จังหวัดชลบุรี
2.Bavaria House 2 ตั้งอยู่ 216 /62 หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ทั้ง2 แห่งมีนายนเรศ คีซิม ชาวอินเดียเป็นผู้จัดการ มีนายสง่า .... เป็นผู้ขอใบอนุญาตประกอบการ
3. กำลังก่อสร้างโครงการคอนโดมีเนียมสำหรับผู้เกษียณอายุราชการแล้ว มาอยู่อาศัยอยู่ (ชาวเยอรมัน) ที่บริเวณด้านหลัง หมู่บ้านจอมเทียนนิเวศน์ จำนวน 5 ชั้น 100 ห้อง ราคา ประมาณ 100 ล้านบาท
4.ร้านเสริมสวย รสริน ตั้งอยู่บริเวณ Bavaria House 2 ซึ่งมีนางรสริน ภรรยาเป็นผู้ดำเนินกิจการอยู่
5.ทำกิจการร่วมกับนายสง่า ..... ทำร้าน S.K.เฟอร์นิเจอร์ และหมู่บ้าน คันทรีคลับ วิลล่า อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัด ชลบุรี ทำโครงการเซ็นทรัลอาเขต (บริเวณที่ตั้ง Bavaria House 2 ) โดยเช่าที่ดินแล้วก่อสร้างอาคารให้เช่า
6. Tong Polynesinn Bavaria Pub ตั้ง อยู่216 /38-40 เช็นทรัลอาเขต ถนนพัทยาสาย 2 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
7. เป็นประธานมูลนิธิคนรักสัตว์ ในประเทศเยอรมันนี ซึ่งมีสาขาในหลายประเทศ
8. โรงงานผลิตพลาสติกสำรับรองรับสินค้า(ทาเลน) ในสหรัฐอเมริกา
9. มีโรงงานผลิตสารเคมีใช้สำหรับกำจัดคราบน้ำมัน โดยร่วมทุนกับรัฐ บาลมาเลเชีย ในประเทศมาเลเซีย
10.มีบริษัทซ่อมคอมพิวเตอร์ อยู่ในประเทศเยอรมนี

2.กลุ่มของ MR. Bernhard Strewbing Earwin เป็นชาวเยอรมัน พูดภาษาไทยได้ชัด ชอบอ้างตนเองเป็นตำรวจยศร้อยโท อยู่เมืองไทยมาประมาณ 7 ปี พนักงานสอบสวนขอให้เป็นล่ามแปล ในคดีที่มีชาวต่างชาติ เป็นคู่กรณี ซึ่งต่อมามีพฤติกรรมในการหลอกหลวงชาวต่างชาติ ด้วยกันที่ต้องหาคดี โดยรับวิ่งเต้นคดีให้

3.กลุ่มของ Mr Peter Kunz เป็นชาวออสเตรเลีย เข้ามาอยู่ในเมืองไทยประมาณ 8 ปี ถูกจับกุม ข้อมหาวีซ่าหมดอายุ และหนังสือเดินทางปลอม มีบ้านพักอยู่ในกรุงเทพฯ ทำธุรกิจซื้อขาย อสังหาริมทรัพย์ จัดเช่าอสังหาริมทรัพย์ รับจำนอง รับจดทะเบียนบริษัท ห้างร้าน และรับจ้างจดทะเบียนหาคู่สมรส และรับแปลเอกสาร รับทำหนัง สือเดินทางและรับต่อวีซ่า โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกประเทศ ทำเอกสารปลอมรับรองสถานนวดแผนโบราณของวัดโพธิ์ และจัดหาทะเบียนสมรส ให้ กับหญิงไทย กับบุคคลต่างชาติ เพื่อขอยื่นวีซ่าให้ได้เดินทางไปค้าประเวณีแถบประเทศยุโรป เช่น ฮังการี เยอรมนี อิตาลี และโฆษณาชวนเชื่อ ต่อชาวต่างชาติในการบำบัดความเครียด โดยการนวดด้วยการใช้ปากต่ออวัยวะเพศชาย ซึ่งเป็นการเสื่อมเสีย

4. กลุ่มของ Mr. Moligang สัญชาติออสเตรเลีย เป็นผู้ปฎิบัติติดต่อประสานงานและชักชวนชาว ต่างชาติ เช้ามาร่วมลงทุน เมื่อมีโอกาสก็จะโกงหุ้นส่วนตัวเอง นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (กัญชา ) อีกด้วย

5.กลุ่มของนาย Kell & Fraulc สัญชาติ ออสเตรเลีย เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับยาเสพติด และหลอกหลวงพวกเดียวกันในการให้มาประกอบอาชีพแต่ยังตรวจสอบไม่พบหลักฐานการกระทำผิด

6.กลุ่ม Mr. Kwon Yonag Juag ชาวเกาหลี มีพาสปอร์ต และใบอนุญาตทำงานถูกต้อง มีบุตรภรรยาที่กรุงเทพฯ เรียนโรงเรียนนานาชาติที่พัทยา มีพฤติกรรมช่วยเหลือไกด์เถื่อนชาวเกาหลีเพราะพูดภาษาไทยได้ แต่ต่อมาทราบว่าไม่มีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย

7. กลุ่มชาวสวิส ชื่อนาย Matmau Pranz ประกอบกิจการบาร์เบียร์ ซึ่งบาร์ยาเล่ย์ และร้านอาหารอีเคน โดยทำเป็นรูปบริษัท พฤติกรรมจะเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มชอปเปอร์ ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นยังไม่พบ

8. กลุ่มแก๊งต้มตุ๋นชาวฟิลิปปินส์ มีนาย Bernardo Bernnido เป็นหัวหน้าเป็นกลุ่ม ถูกจับเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2540 โดยตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา พร้อมด้วยพรรคพวกอีก 4 คน ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

9 แก๊งชาวไทยมอมยานักท่องเที่ยว มีนายสรเสกข์ กิมเชียง หรือเปี๊ยก เป็นหัวหน้า โดยมีพฤติกรรมเปิดห้องพักที่พัทยาเพื่อวางแผนนำยานอนหลับ ยี่ห้อ อันจอห์น 27 ซึ่งเป็นยานอนหลับอย่างแรง ให้ผู้หญิงที่ออกไปหาแขกตามบาร์เบียร์ทีมีชาวต่างชาติหนาแน่น โดยจะเลือกเหยื่อที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก แล้วตีสนิท ให้พาไปหลับนอน แล้วจะใช้ยานอนหลับทาที่หัวนม หรืออมไว้ใต้ลิ้น ซึ่งจะออกฤทธิ์ภายใน 20-30 นาที

10 กลุ่มนางชชดา แซ่เล้า เปิดสำนักงานอยู่บริเวณซอยยศศักดิ์ หมู่ที่ 9 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รับจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด รับทำบัญชี รับเป็น ที่ปรึกษาของชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยว หรือทำงานในพัทยา เดิมเป็นของนาย บีน ทูโบส ซึ่งเดินทางกลับประเทศไปแล้ว ไม่มีพฤติกรรมเป็นแก๊งมาเฟียแต่อย่างใด

ทั้ง 10 กลุ่มดังกล่าว นี้ทางสถานีตำรวจภุธรตำบลพัทยาได้จัดทำแฟ้มประวัติเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวและได้สั่งการ ให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจในปกครอง สืบสวนติดตาม พฤติการณ์โดยตลอดแล้ว

** 8 แก๊งมาเฟียต่างชาติในพัทยา

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2545 เกิดคดีแก๊งแขกขาว (ปากีสถาน) สังหารโหด นายปีเตอร์ จอห์น เคอร์ติน ชาวออสเตรเลีย เจ้าของโรงแรมออร์คิดอินน์ ที่ย่านพัทยาใต้ เพราะมีเรื่องขัดผลประโยชน์กัน ศูนย์ป้องกันและปราบปรามคนร้ายชาวต่างชาติ จึงได้สรุปพฤติกรรมแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติเอาไว้อีกรอบ ดังนี้.

1.แก๊งชาวเยอรมัน ทำมาค้าขายด้วยการประกอบธุรกิจ เช่นบาร์เบียร์ อะโกโก้ ร้านอาหารเยอรมัน คอนโดมีเนียม โรงแรม มักลงทุนกินอยู่แต่งงานกับหญิงไทยพวกที่มีอาชีพทำบาร์เบียร์หรือยกระดับตัวเองขึ้นเป็นเจ้าของร้านเสริมสวย และในพวกที่ลงทุนจริงๆ นั้นมีอยู่บ้างที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด ส่งผู้หญิงไทยไปค้าประเวณี การฟอกเงินและอื่นๆ.

2.แก๊งชาวจีน มาจากมาเก๊าและจีนแผ่นดินใหญ่ มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม มีพฤติกรรมลักพาตัวชาวจีนชาติเดียวกันไปเรียกค่าไถ่ ค้ายาเสพติด ลวงหญิงสาวค้าประเวณีข้ามชาติ นิยมการเช่าบ้านในเมืองพัทยาอยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อน.

3.แก๊งชาวเกาหลี ยึดธุรกิจร้านอาหาร สถานบันเทิง สถานที่พักตากอากาศ ดูแลธุรกิจทัวร์ และว่าจ้างคนไทยเป็นผู้ออกรับหน้าแทน แฝงธุรกิจพวกโชว์ลามกอนาจารรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มเดียวกันด้วย กระจายกันอยู่ในพัทยากว่า 10 แห่ง (ปัจจุบันมีมากกว่า)

4.แก๊งแขกขาว-แขกดำ/ปากีสถาน กลุ่มนี้สร้างปัญหาอย่างมาก มีที่พักอยู่ในย่านซอยนานา สุขุมวิทและเดินทางออกมาสร้างปัญหาที่ภูเก็ต และเมืองพัทยา ทำพาสปอร์ตปลอมออกเร่ขาย กลุ่มนี้เดินทางเข้ามาปักหลักก่อนปี 2545 ปัจจุบันมีพฤติกรรมใช้บัตรเครดิตปลอม ลักทรัพย์ตามห้าวสรรพสินค้า (สำหรับพวกปากีสถานซึ่งเดินทางมาก่อนปี 2528 -2530) กลุ่มนี้มีภรรยาชาวไทยและทำร้านอาหารประเภทตะวันออกกลางอยู่ย่านพัทยาใต้และคนกลุ่มนี้ก่อปัญหาน้อย.

5.แก๊งยากูซ่าจากญี่ปุ่น ก่อเหตุน้อยและมีอดีตยากูซ่าอีกจำนวนหนึ่ง อยู่ในอำเภอศรีราชา ส่วนใหญ่จะเพียงขัดผลประโยชน์กันเองเท่านั่น.

6.แก๊งอาฟริกา เดินทางมาพร้อมกันประมาณ 4-5 คน ส่วนใหญ่จะเน้นที่พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ มีพฤติกรรมหลอกลวง ฉ้อโกง(เป็นพวก18มงกุฎ) เช่น การปลอมธนบัตร หลอกลวงว่ามีน้ำยาพิเศษทำกระดาษเป็นธนบัตรดอลลาร์ได้ ตำรวจจับกุมแล้วหลายครั้ง.

7.แก๊งอังกฤษหรือยุโรป ทางอิตาลี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นอร์เวย์ สวีเดนและเดนมาร์ค พฤติกรรมจะคล้ายกลุ่มเยอรมัน หากินด้วยการส่งสาวไทยไปค้าประเวณี ยาเสพติดและบาร์เบียร์ คนกลุ่มนี้นำเงินจากนอกประเทศมาลงทุนทำกินที่เมืองพัทยา.

8.แก๊งชาวรัสเซีย เดินทางมากับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟลต์ แล้วหนีออกจากทัวร์ ปักหลัก หากินทั้งชายหญิง พวกสาวรัสเซียจะค้าประเวณีและเต้นโชว์ ผู้ชายส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพการค้าขาย ทำร้าอาหาร บางคนเรียกค่าคุ้มครองพวกเดียวกัน ไม่ยุ่งกับคนชาติอื่น เคยก่อคดีว่าจ้างมือปืนมาฆ่าพวกเดียวกัน เพราะเกิดการหักหลังเงินลงทุนสร้างสถานบันเทิงและร้านอาหาร
กำลังโหลดความคิดเห็น