xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยมาเฟียรัสเซีย – ไขปมสังหาร 2 แหม่มหมีขาว?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงาน
ศูนย์ข่าวภูมิภาค


แกะรอยแก๊งอาชญากรรมรัสเซียในพัทยา แม้จะยังไม่ใช่มาเฟียใหญ่ถึงขั้นติดบัญชีดำห้ามเข้าประเทศ แต่ในช่วง 10 ปีหลังโซเวียตล่มสลาย วายร้ายแดนหมีขาวได้ก่อคดีสะเทือนขวัญขึ้นแล้วหลายคดี และแน่นอน คดียิงโหด 2 นักท่องเที่ยวสาว ก็ถูกเชื่อมโยงเข้าไปด้วย

เหตุคนร้ายจ่อยิง 2 นักท่องเที่ยวสาวชาวรัสเซีย เสียชีวิตกลางหาดพัทยา เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา นับเป็นคดีสะเทือนขวัญนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ปมเงื่อนการสังหาร ยังคงเป็นปริศนาว่ามาจากเรื่องใดกันแน่

** ปมสังหาร-โยงธุรกิจไคโยตี้?

บางกระแสบอกว่า เป็นการกระทำของกลุ่มกระบวนค้าหญิงข้ามชาติ โดยเชื่อว่า 2 สาวรัสเซียเหยื่อกระสุนโหดครั้งนี้ เดินทางมาพัทยาไม่ใช่เพียงเพื่อพักผ่อน แต่มาหารายได้จากการเป็นสาวเต้นโคโยตี้ ตามสถานบริการต่างๆ ด้วย

สถานบริการที่มีสาวเต้นไคโยตี้ย่านวอล์กกิ้งสตรีทหรือพัทยาใต้เดิมนั้น เป็นที่รู้กันว่า เจ้าของกิจการเป็นใครมีเส้นใหญ่ขนาดไหน มีสีอะไรฝ่ายใดให้ความคุ้มครองหรือมีสีอะไรคนใด ระดับไหนปล่อยเงินกู้ กินดอกเบี้ยกับกลุ่มเจ้าของสถานบริการเหล่านั้น

แล้วใคร..คนกลุ่มไหนเล่าที่จะมีวิถีทางที่จะทำให้สถานที่ของตัวเองเปิดได้ถึงสว่างคาตาและเพิ่มรสนิยมด้วยการจัดสรรให้ มีโคโยตี้ต่างชาติมาเต้นให้ชมกัน

รวมทั้งสาวที่มาจากรัสเซีย-อุเบกิสถาน ทุกอย่างต้องมีต้นทุน ต้องมีเบี้ยบ้ายรายทาง ใช้จ่ายกันอย่างไรและให้กับใคร! ซึ่งบุคคลเหล่านั้นคงไม่เป็นคนธรรมดาแน่ๆ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องมี แบ็กที่แข็งแรง มั่นคงถึงจะยืนอยู่ในวงการธุรกิจสถานบริการที่มีสาวไคโยตี้ต่างชาติมาเต้นโชว์....!

**มาเฟียรัสเซีย-อิทธิพลใหม่เมืองพัทยา?

สำหรับเส้นทางของมาเฟียต่างชาติ ตามบัญชีดำห้ามเข้าเมืองไทยแล้ว จำนวน 34 คนนั้น ยังไม่มีชื่อวายร้ายข้ามชาติชาวรัสเซีย (ติดตามอ่านรายละเอียด ในรายงาน ตอน 2)

แต่ก็ปรากฏเพียงครั้งเดียวเมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว คือการที่มีนักธุรกิจชาวรัสเซียสองคนแย่งชิงทำเลสร้างสถานบันเทิง ย่านถนนพัทยาสายสอง จ้างมือปืนจากยูเครน เป็นทหารที่ปลดประจำการหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายใหม่ ๆ มายิงคู่แข่งและมือปืนถูกจับได้ ขณะนี้ยังต้องขังอยู่ที่เรือนจำในจังหวัดชลบุรี

นั่นเป็นครั้งเดียวของพฤติกรรมของชาวต่างชาติที่มาจากดินแดนหมีขาว

เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ปี 43 มือปืนชาวต่างชาติคนหนึ่งถือปืนขนาด 9 มม. บุกเข้าไปยิงนายคอสตราดินอฟ นักธุรกิจชาวรัสเซียซึ่งมาประกอบธุรกิจร้านอาหารและสถานบริการชื่อแทรคเตอร์ บนถนนพัทยาสาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี (เมืองพัทยา) ขณะนั่งอยู่ในรถยนต์เก๋งส่วนตัว เสียชีวิต

มือปืน ชื่อ นายฮาโด้ เคิร์ก เป็นอดีตทหารและเป็นอดีต เคจีบีถูกจับได้วันที่ 4 เม.ย.ปีเดียวกัน ขณะกำลังจะเดินทางออกจากประเทศไทย เขาถูกจ้างมา ด้วยวงเงินค่าจ้าง ถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ สองแสนบาทขณะนั้น)

เป็นที่น่าสังเกตว่า ปืนขนาด 9 มม.ที่นายฮาโด้ ใช้ยิงนายคอสตราดินอฟ เป็ฯปืนขนาด 9 มม. เช่นเดียวกันกับปืนที่ใช้สังหาร 2 สาวรัสเซีย

จากนั้นมีรายงานข่าวจากข่าวกรองของฝ่ายปกครองท้องที่ว่า ที่จริงแล้ว ยังมีขาใหญ่ชาวรัสเซียอยู่ขณะนั้นชื่อนายลาเยียเมียด โซเฟีย ผู้ซึ่งมีกิจการร้านอาหารรัสเซียหลายแห่งอยู่ในเมืองพัทยา เป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริงเสียงจริง..แต่ปัจจุบันนี้ไม่ปรากฏร่องรอยของบุคคลคนนี้

ส่วนมือปืนนายฮาโด้ เคิร์ก ระหว่างเกิดเรื่องใหม่ๆ ไม่ถึงสัปดาห์ ได้เขียนจดหมายไปร้องขอ กับนักธุรกิจคนหนึ่งในเมืองพัทยา ให้ช่วยเอาทรัพย์สินไปจำนำและขอให้จัดการเรื่องทนายความให้ด้วย แต่ก็ถูกปฏิเสธฯ จึงทำให้เรื่องราวของมาเฟียรัสเซียรายนี้แพร่สะพัดออกมา

ปัจจุบันยังมีนายตำรวจหลายคน เป็นผู้กำกับตามสถานีตำรวจต่างๆ ทั้งที่อยู่ในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง รู้เรื่องมาเฟียเมืองพัทยาและรู้เรื่องของวายร้ายข้ามชาติเป็นอย่างดี นายตำรวจเหล่านี้ หากนำมาใช้ให้ถูกทาง ให้มาช่วยคลี่คลาย คดีสังหารโหดสาวสวยชาวรัสเซีย ซึ่งผลงานน่าจะปรากฏออกมาได้

**สาวรัสเซียยกชั้นจากไซด์ไลน์สู่ไคโยตี้

ทุกวันนี้ ข่าวคราวการจับกุมชาวสาวต่างชาติ ที่มาทำการค้าประเวณีโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหรือจากการปราบปราบของตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจท้องที่ ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นกัน จนกระทั่งคนพัทยาเองก็ลืมสาวบริการจากรัสเซียหรือจากประเทศอื่นๆ และไม่พูดถึงกันแล้ว

มีแค่เรื่องราวของสาวชาวรัสเซียและสาวชาติอื่นๆ แอบมาหาลำไพ่ ด้วยการเป็น สาวๆ ไคโยตี้ สาวเต้นรำตามสถานบริการ สถานบันเทิงบางแห่งของเมืองพัทยาเท่านั้น

สถานบริการในเมืองพัทยาปัจจุบันพัฒนาตัวเองเป็นสถานที่แห่งเดียวมี 3 บริการอยู่ในตัวเองคือ มีสาวไตโยตี้เต้นโชว์ มีการบริการอาหารเครื่องดื่ม และมีการลักไก่โชว์ประเภทต้องห้ามเป็นรอบๆไป

ไม่ใช่...การมาค้าประเวณีกันอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการมานั่งเป็นสาวไซด์ไลน์นอกตู้กระจก เช่นเมื่อสิบปีก่อน

ปัจจุบันสาวไคโยตี้ต่างชาติมาแรงมาก เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวด้วยกัน ทุกอย่างที่พัทยา การพัฒนาเรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและโดยอัตโนมัติ.

สาวไคโยตี้ต่างชาติ ไม่จำเพาะสาวสวยจากยุโรปตะวันออก อย่างรัสเซีย หรือยูเครนหรืออูซเบกิสสถานเท่านั้นที่เป็นที่ต้องตาต้องใจของบรรดาหนุ่มๆ

เมืองพัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอิสรเสรี สถานบริการเปิดกันตั้งแต่ 4 ทุ่มจนถึงตี่สี่ เพราะผู้คนที่จะมาเที่ยวนั้นจะมาท่องเที่ยวหาความสำราญกันได้ก็เวลาดึกๆ หรือสถานบริการไหนใจถึงก็จะเปิดได้ยันรุ่งสว่าง

สำหรับสถานการณ์ของเมืองพัทยาขณะนี้ บนสถานการณ์ที่มีเหตุร้าย เหตุที่มีมือปืนยิงสาวชาวรัสเซียเสียชีวิตถึงสองคน ทำให้สถานบริการต่างๆ ต้องระมัดระวังตัวเอง อยู่ในภาวะซบเซาลง เป็นสถานการณ์ร้อนจริงๆ จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมมือปืนได้ สถานการณ์ร้อนจะบรรเทาลงได้

และนี่เองทำให้คนในวงการยุทธจักรบู๊ลิ้มเมืองพัทยารอดูกันอยู่ว่า จะมีรายชื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติคนไหน โผล่ออกมาและถูกขึ้นบัญชีดำเป็นมาเฟียและผู้ต้องห้ามเข้าประเทศไทยคนต่อไปอีก !

สำหรับคดีอาชญากรรมที่เกิดจากชาวรัสเซียหรือพวกที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียตนั้น ปี 2545 เดือนสิงหาคม มีคดีอดีตทหารยูเครนที่ปลดประจำการหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย เข้ามาก่อการปล้นธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่ย่านพัทยาใต้ สังหารนายดาบตำรวจทรง กิตติ มณีโชติ เสียชีวิต ขณะเจ้าหน้าที่ธนาคารกำลังเตรียมการจะเปิดธนาคาร คนร้ายชาวรัสเซียที่ทั้งหมดสามคนคือ นาย Tgher Emnyah Ferlix (ชาวยูเครน) นาย Minlikeev Marat นายKuduyarov Rinat ซึ่งคนทั้งสามปล้นเงินธนาคารไปได้หลายล้านบาทนำไปจ่ายค่าเรือเร็ว ชื่อ Four Wins และหนีไปจนมุมกลางทะเลที่ปากน้ำปราณบุรี พร้อมเงินสดของกลางอีกจำนวน 986,000 บาท

จากนั้นเป็นต้นมาจนปีปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ปรากฏเงาร่างของมาเฟียต่างชาติคนไหน..เกิดขึ้นอีกเลย มีเพียงบรรดาราชชื่อของพวกลูกครึ่ง เจ้าของกิจการสถานบริการต่างๆ เท่านั้นที่มาแรง

**รัสเซีย – ตลาดใหญ่ท่องเที่ยวพัทยา

ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มีสถิติน่าสนใจเป็นตัวเลขครึ่งปี(2549) เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยถึง 274,633 คนด้วยกัน เป็นอันดับหนึ่งของชาวต่างชาติ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เดินทางมา 135,539 คน และจีน 211,866 รัสเซียมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยจีน เยอรมันแล้วตามด้วยเวียดนาม 59,622 คน ฮ่องกง 118,246 คนรวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีอีก 181,246 คน พวกเขาเอาเงินตรามาทิ้งเอาไว้ในเมืองไทยต่อคนต่อวันต่อปี ต่อรายหัวละเป็นเงินจำนวนมาก ไม่รวมการใช้จ่ายท่องเที่ยว ที่เมืองพัทยา ชาวรัสเซียนั้นทิ้งเงินเอาไว้ในเมืองพัทยาเป็นอันมาก รวมตัวเลขนักท่องเที่ยวครึ่งปี มีนักท่องเที่ยวหลายชาติเดินทางกันเข้ามา มีตัวเลขรวมแล้วกว่า 2,777,335 คน อันเป็นตัวเลขครึ่งปีของปี 2006 (ปี พ.ศ.2549)

สำหรับคดีสำคัญคดีมือปืนฆ่าอำมหิตนักท่องเที่ยวสาวจากรัสเซีย อันเป็นสถานการณ์ร้อนขณะนี้ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ไม่ว่าจะเกิดจากจุดประสงค์ใด จากคำสั่งฆ่าของวายร้ายมาเฟียข้ามชาติหรือไม่ หรือเกิดจากน้ำมือมือปืนคนไทยเอง หรือเกิดจากมือปืนชาวเขมร พม่าก็ตามที ซึ่งก็มีอยู่มากที่เมืองพัทยา การสอบสวนสืบสวน การคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ จะต้องพบภาวะอึดอัดที่หนักหนาเช่นเดียวกันกับคดีที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว

**ระวัง!หักมุมตอนจบ

ปมสังหารครั้งนี้ จะหักมุมตอนจบเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับนายคาซูฮิโร ทาเคดะ วิศวกรชาวญี่ปุ่น ถูกฆ่าตายเมื่อเดือนกันยายนปี 2532 หรือไม่

ปีนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างหนัก ท่ามกลางการความกดดันของหอการค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยและเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นและสื่อมวลชนญี่ปุ่นซึ่งตามมาทำข่าวการตายของคนของเขาทุกวัน เช่นสถานีโทรทัศน์ เอ็นเอชเค. รวมทั้ง หนังสือพิมพ์อาซาฮี ซิมบุนหรือสำนักข่าวต่างประเทศของญี่ปุ่นที่อยู่ประเทศไทยทั้งหมด เพราะครั้งนั้นผู้ตายและผู้ที่รอดตาย เป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาทำงานร่วมกันก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ที่จังหวัดระยองและขณะขับรถกลับที่พักตอนค่ำคืน ได้ถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งไปดักปล้นฆ่าแล้วเอาศพไปทิ้งไว้ในป่ามันสำปะหลังย่านถนนเขาไม้แก้ว ส่วนวิศวกรชาวญี่ปุ่น อีกคนชื่อนายอิชิ ไอดะ รอดตายมาได้

ท่ามกลางเสียงลือเรื่องกลุ่มแก๊งยากูซ่ามีส่วนมาอุ้มฆ่า..และเรียกค่าคุ้มครองนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

แต่ท้ายที่สุดคดีกลับกลายเป็นคนร้ายเป็นนักศึกษาแห่งหนึ่งในโรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา ภายใต้การกำกับการปล้นของนายดาบตำรวจคนหนึ่งที่ฉะเชิงเทรา นำทีมออกมาดักปล้นชิงรถบนเส้นทางสายกระทิงลาย-บางละมุง ซึ่งวิศวกรทั้งสองดวงซวย บังเอิญขับรถกลับมาจากการคุมงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่จังหวัดระยองมุ่งหน้าจะกลับมาที่พักซึ่งอยู่ในตัวเมืองพัทยา เมื่อเกิดการต่อสู้ จึงถูกฆ่าและนำรถไปจอดแปลงสภาพที่อำเภอแปลงยาว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีของกองบังคับการภาค 2 และของสถานีตำรวจบางละมุงจับกุมได้ทั้งหมด พร้อมรถของกลาง ปราศจากข้อข้องใจของ ชาวญี่ปุ่นเรื่องจึงลงเอยด้วยดี

แต่คดีสังหารแหม่มสาวชาวรัสเซียครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การคลี่คลายคดีฆ่าสองสาวชาวรัสเซียไม่มีการแถลงข่าว แต่ก็มีเพียงการจัดตั้งสถานที่ทำงานส่วนหน้า ณ จุดบริเวณที่เกิดเหตุ การสืบสวนทุกประเด็นปัญหา โดย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงมาสั่งการอย่างใกล้ชิดเพื่อเร่งคดีและล่าตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ส่วนจะมีวายร้ายข้ามชาติออกมายุ่งเกี่ยวกับตายของสองสาวชาวรัสเซียหรือไม่ ? ยังไม่มีคำตอบ รวมไปถึง สาเหตุการตายว่าจะมาจากเรื่องอะไรกันแน่ แต่มีปัญหาสุดท้าย ที่ยังต้องการคำตอบคือว่าก่อนที่สองสาวชาวรัสเซียทำไมถึงจะต้องมาพบจุดจบด้วยการถูกยิงที่เก้าอี้ผ้าใบชายหาดห่างจากโรงแรมที่พัก 500 เมตรนั้น คนทั้งสองมากับใครทำไมหลังการเที่ยวพัทยายามราตรีแล้ว ทำไมไม่กลับโรงแรมที่พัก แล้วทำไมจึงมีเครื่องดื่มเป็นสุราถึงสองชนิดและมีรอยรองเท้าบู๊ตบนพื้นทรายของผู้ชายคนที่ปรากฏในภาพทีวีวงจรปิด เขาคนนั้นคือใครกันแน่.

ปมปัญหาที่ต้องคลี่คลาย ครั้งสุดท้ายก่อนจะมาถึงจุดจบด้วยการถูกยิงนั้น สองสาวรัสเซียไปเที่ยวสถานบริการแห่งใดที่ไหนมา และสถานบริการแห่งใดนั้นถึงเปิดได้เกือบถึงสว่างคาตาในเมืองพัทยา ก็คงไม่ไม่กี่แห่งและก็คงจะหาได้ไม่ยากนัก

ส่วนเรื่องราวของการสังหารอย่างโหดครั้งนี้จะมาจากสาเหตุใด ต้องรอฟังการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีเป็นสำคัญ ว่าจะเป็นประเด็นที่ตั้งไว้ก่อน เช่นการชิงทรัพย์ การขัดแย้งกันส่วนตัวหรือรวมไปถึงเรื่องราวของการค้ากามข้ามชาติในรูปแบบสาวไคโยตี้ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง.
นส.ทซิมเฟอร์ ทาเทียนา( Tsimfer Tatiana ) และนส.สเวียโกวา ลุยบอฟ (Svirkova Liubov) สาวชาวรัสเซียที่ถูกฆ่าริมหาดพัทยา
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เร่งงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อล่าตัวคนร้ายให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น