xs
xsm
sm
md
lg

“สถาพร” ก้มหน้าอำลาเก้าอี้ “ผบช.ภ.3”- เข้ากรุรับตำแหน่ง “จเรตำรวจ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พล.ต.ท.สถาพร” ก้มหน้า อำลาตำแหน่ง ผบช.ภาค 3 พร้อมเดินทางเข้ากรุรับตำแหน่ง “จเรตำรวจ” เผยฝากผบช.ภ.3 คนใหม่ ให้สานต่อโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัวข้าราชการตำรวจและโรงพักยิ้มแย้ม ยันได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ขอพูดถึงคดีไฟไหม้โรงเรียนอีก ระบุไม่รู้สึกท้อแท้ เพราะเป็นตำรวจอาชีพอยู่ที่ไหนก็ทำงานให้องค์กรตำรวจและประชาชนได้

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (26 ก.พ.) ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และรักษาราชการแทน จเรตำรวจ เป็นประธานเปิดการประชุมประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2550 พร้อมอำลาตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ทั้งรอง ผบช.ภ.3, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, ผู้กำกับการสถานีตำรวจและตำรวจชั้นประทวนจากพื้นที่ความรับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 ทั้ง 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกันกว่า 500 คน ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างจะเงียบเหงา

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม เหล่าข้าราชการตำรวจ ได้ส่งตัวแทนมอบของที่ระลึกพร้อมช่อดอกไม้ เพื่อเป็นกำลังใจและแสดงความยินดีกับ พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผบช.ภ.3 ในโอกาสที่จะเดินทางไปรับตำแหน่งจเรตำรวจ และ พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รอง ผบช.ภ. 3 ที่จะเดินทางไปรับตำแหน่งรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วยบ่ายวันนี้ จากนั้น พล.ต.ท.สถาพร ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้ใต้บังคับบัญชา

พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง รักษาราชการแทนจเรตำรวจ เปิดเผยว่า สิ่งที่อยากจะฝากไว้สำหรับผู้ที่จะมารับตำแหน่ง ผบช.ภ.3 และวันนี้ได้เน้นย้ำกับผู้ใต้บังคับบัญชาระดับสูงไปแล้ว 2 เรื่องหลักๆ คือ การดูแลขวัญ กำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อยจะต้องดูแลให้ความเกื้อกูล รวมทั้งโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในครอบครัวข้าราชการตำรวจ ทั้งด้านการประกอบอาชีพเสริมและการดำรงชีวิต ซึ่งตำรวจภูธรภาค 3 ได้นำร่องในปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง จึงต้องพยายามทำให้เศรษฐกิจพอเพียงเกิดขึ้นกับครอบครัวตำรวจให้ได้ โดยให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายและประหยัดมัธยัสถ์

ส่วนที่ 2 ที่อยากจะฝากไว้ คือ การปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนและตำรวจจะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะโครงการ “โรงพักยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่ใจประชาชน” ที่ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ดำเนินการมานั้นขอให้สานต่อ และช่วยให้การบริการที่ดีแก่พี่น้องประชาชน เพราะทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สำหรับคำถามกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งเกิดขึ้นจำนวนมากกว่า 23 แห่ง ยังยืนยันว่า ไม่ใช่คลื่นใต้น้ำ หรือการสร้างสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.ต.ท.สถาพร กล่าวว่า ขออนุญาตไม่ออกความเห็นในเรื่องดังกล่าวนี้ เนื่องจากได้พ้นตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบตรงนี้ไปแล้ว และตอนนี้รับตำแหน่งรักษาราชการแทนจเรตำรวจแห่งชาติ แล้ว

“อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ผมได้มุ่งมั่นทำงาน ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งก็อาจจะมีบางจุดบางอย่างที่ยังขาดไปบ้าง และไม่มีใครที่จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบได้ด้วยตัวเอง” พล.ต.ท.สถาพร กล่าว

พล.ต.ท.สถาพร กล่าวต่อว่า การเริ่มต้นทำงานในในตำแหน่งใหม่ คือ จเรตำรวจ จะดำเนินตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา คือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและจะสานต่อนโยบายของจเรตำรวจท่านเดิมด้วย ที่สำคัญคือจะมองไปที่เรื่องประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้เต็มที่

“การโยกย้ายครั้งนี้ ไม่รู้สึกท้อแท้แต่อย่างใด เพราะเราเป็นตำรวจอาชีพอยู่ที่ไหนเราก็สามารถทำงานให้กับองค์กรตำรวจและหน่วยงานได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ความตั้งใจและมีความรับผิดชอบของเรา โดยยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” พล.ต.ท.สถาพร กล่าวในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น