ศูนย์ข่าวศรีราชา
การทำงาน...เพื่อคลี่คลายคดีมือปืนอำมหิตสังหารสองแหม่มสาว พนักงานขายห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ของเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 2 ภายใต้การทำงานควบคุมคดีของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มั่นใจจับมือปืนได้แน่ แต่สาเหตุการฆ่าเอาชีวิตจะมาจากเรื่องใด ต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติม ทุกประเด็นที่เป็นชนวนสู่การสังหาร โดยมีอนาคตการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเป็นเดิมพัน
จากการแกะรอย...การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีที่ทำงานสืบสวนสอบสวนกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อคลี่คลายคดีนี้ และติดตามจับกุมมือปืนมาให้ได้รวมทั้งหาสาเหตุชนวนตายของสองแหม่มนักท่องเที่ยว รวมทั้งใครคือผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
เช้าวันนี้ (26 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งสรุปการทำงานทุกๆ 7 ชม.ณ ศูนย์บัญชาการโรงแรมอนันตยา พื้นที่ชายหาดที่ซึ่ง น.ส.ทซิมเฟอร์ ทาเทียนา (Tsimfer Tatiana) และ น.สเวียโกวา ลุยบอฟ (Svirkova Liubov) ไปนั่งเก้าอี้ผ้าใบลงเล่นน้ำที่หาดจอมเทียน และถูกมือปืนตามมายิงจนเสียชีวิตอย่างน่าอนาถนั้น
มีความคืบหน้าของคดีนี้ กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนทุกพยานทุกปากที่สำคัญๆ และยังคงติดตามหาร่องรอย สถานที่สำคัญใกล้ครบทุกจุดแล้ว เพื่อความสมบูรณ์ของสำนวนการสอบสวนก่อนจะไปอนุมัติของหมายจับจากศาลจังหวัดพัทยา เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ นายสุรินทร์ แบนสกุล ไกด์ทัวร์ที่ไปรับสองแหม่มสาวที่สนามบินอู่ตะเภาเอาไว้แล้ว ซึ่งทำให้ได้เงื่อนงำมากขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนพยานแวดล้อมหลายปากที่โรงแรมดราก้อนบีช ซึ่งเป็นที่พักของผู้ตายทั้งสองด้วย รวมทั้งบริษัททัวร์ชื่อ ดิส เวอร์รี่ ซึ่งผู้เสียชีวิตซื้อตั๋วเดินทางมาท่องเที่ยวที่พัทยาแยกตัวออกมาพักกันสองคน และมีเพื่อนอีก 3 คนแยกย้ายกันไปท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนพยานปากสำคัญที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นตอนเช้ามืด 24 ก.พ.วันที่มือปืนลั่นไกส่งกระสุนฆ่าสองนักท่องเที่ยวสองแหม่ม คือ ยามของโรงแรมอนันตยา นายสมศักดิ์ หนูน้อย อันมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งการสอบปากคำพยานสำคัญๆ ณ จุดเกิดเหตุสำคัญเกือบจะครบถ้วนแล้ว พร้อมๆ กับมีการจำลองสถานที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน การลั่นไกปืนของมือสังหารรับจ้างรายนี้เอาไว้พร้อมสรรพ
สำหรับสถานที่พักที่โรงแรมดราก้อนบีช นั้น ผู้ตายทั้งสองพักที่ห้องพักหมายเลข 113 ซึ่งโรงแรมที่พักนี้อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สอบพยานบุคคล พยานแวดล้อม จุดสำคัญๆ ที่สองแหม่มสาวไปเที่ยวยามราตรี ก่อนจะมาพบจุดจบเสียชีวิตนั้น ตลอดจนจุดที่ไปซื้อหาสุราและสาโท มาดื่มว่า ซื้อมา ณ จุดใด ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ทิ้งประเด็น หรือแม้กระทั่งควานหาโชเฟอร์รถโดยสารสองแถวที่รับสองแหม่มสาวมายังชายหาดนาจอมเทียนก็ไม่ละเว้น สำหรับการสอบสวนเพื่อมาประมวลหาร่องรอยของการตายและร่องรอยของมือปืน
จากการแกะรอยการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้ และการเฝ้าข่าวของผู้สื่อข่าวจนกระทั่งถึงตี 2 ของวันที่ 26 ก.พ.พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมใจกันทำงานนี้อย่างหามรุ่งหามค่ำ โดยมี พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 ไปควบคุมด้วยตัวเอง และทีมงานสืบสอบสวนสอบสวนมือดีของภาค 2 หลายนายด้วยกัน
จากการแกะรอยแน่ใจว่า..คดีนี้ปักธงได้เลยว่า จับตัวมือปืนสังหารได้แน่ แต่จะเป็นมือสังหารที่เป็นคนไทย หรือเป็นมือปืนต่างชาติเท่านั้น !
สำหรับ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง มีประวัติการณ์ทำงานในอดีตผ่านการปราบปรามจับกุมคนร้ายในคดีสำคัญๆ ร้ายแรงมาแล้วจนได้รับฉายามือปราบ โจ ด่านช้าง เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา หรือล่าสุด ก็อยู่ในชุดคลี่คลายคดีสังหาร พ.ต.ท.ไชยันต์ วิชัยดิษฐ์ จนนำไปสู่การจับกุม “ผู้ใหญ่อ้น” ได้ภายใน 7 วันของคดีที่เกิดขึ้น ณ ชายหาดบางแสน เมื่อไม่นานมานี้ และมีคดีสำคัญๆ อีกมากมายที่เป็นผลงานเกิดจากการทำงานของนายพลตำรวจโท อัศวิน ขวัญเมือง จึงค่อนข้างแน่ใจว่า มือปืนที่ลั่นไกสังหารสองแหม่มสาวจากประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานของในห้างสรรพสินค้าคงไม่ตายฟรี
แต่การจะเชื่อมโยงไปถึงเรื่องที่เป็นข่าวออกมาล่วงหน้า ตามที่มีสื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับลงข่าวว่า เป็นเรื่องการค้าประเวณีของสาวจากรัสเซียบางคน การค้าประเวณีข้ามชาติมาเปิดเป็นประเด็นข่าว และทุกประเด็นที่เป็นชนวนการตาย หรือไม่ ในที่สุดจะต้องปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนครั้งนี้
สำหรับสถานที่พักที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย รวมทั้งชาวยูเครนนิยมพักกัน แต่เดิมพักที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์นาจอมเทียน ต่อมาย้ายมาพักกันที่ถนนทางเข้าวงศ์อมาตย์ ย่านโรงแรมลองบีช ด้านฝั่งทะเลกันเป็นจำนวน ที่นิยมไปเที่ยวกัน คือ วอล์กกิ้งสตรีทและสถานบันเทิงต่างๆ ในเมืองพัทยา ที่เปิดกันค่อนคืนจนใกล้รุ่งสว่างทั้งหลาย
สำหรับชายไทยที่นิยมใช้บริการสาวรัสเซียนั้น มีมานานแล้วจนเป็นตำนานของเมืองพัทยาในสองท้องที่สถานีตำรวจ คือ สถานีตำรวจพัทยาและสถานีตำรวจบางละมุง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า สถานบันเทิงอบอาบนวดแห่งใดมีการค้าประเวณีแบบที่ว่ากัน หากกางแผนที่สถานที่และหุ้นส่วนสำคัญๆ ของสถานที่ดังกล่าวออกมาและเชิญมาทำการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง มือปืนนั้นคงหนีไม่พ้นแน่.. คงจะจับกุมในเร็ววันนี้
รวมทั้งประเด็นการตายว่า...จะมาจากเรื่องใดกันแน่ แต่เชื่อได้ว่า คงไม่ใช่เกิดจากการที่มือปืนโกรธแค้นเป็นส่วนตัวเป็นแน่ เพราะการสังหาร หรือฆ่าเพศที่อ่อนแอกว่า ด้วยการยิงคนหนึ่ง 6 นัด หรืออีกคน 4 นัดนั้น..เป็นเพราะแค้นฝังใจ หรือทำตามใบสั่งกันแน่? และใครเป็นคนสั่งการ มาเฟียรัสเซียหรือมาเฟียไทยกันแน่
แต่ที่แน่ๆ ไปกว่านั้น นายวดาดีเมีย วีโพรนิน กงสุลสหพันธรัฐรัสเซียประจำจังหวัดชลบุรี-ระยอง ประสานงานใกล้ชิดกับชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจคลี่คลายการตายของสองแหม่มสาวให้ข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้เสียชีวิต ย่อมทำให้การเบี่ยงประเด็นการตายครั้งออกไปไม่ได้ !
แล้วที่สำคัญใหญ่หลวงนัก...ก็คือ การท่องเที่ยวของชาวรัสเซียทั้งชายและหญิง มีจำนวนตัวเลขค่อนข้างมากเป็นอันดับสามที่เดินทางเข้ามายังพัทยาเมืองท่องเที่ยวชื่อก้องโลกเช่นเดียวกันกับชาวเวียดนามที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพัทยามากเป็นอันดับสี่ ล่าสุด...มีการขึ้นบัญชีดำเมืองพัทยาไปแล้วว่า เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและมีอันตราย
คดีอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดจากคนรัสเซียด้วยกันเอง คือ การที่นักธุรกิจชาวรัสเซียสั่งมือปืนที่เป็นอดีตทหารที่ปลดประจำการมาฆ่าฟันกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเมืองพัทยาย่านถนนพัทยาสายสองนานมาแล้วเกือบสิบปี ซึ่งขณะนี้มือปืนต่างชาติรายนั้นยังต้องคดีอยู่ที่เรือนจำจังหวัดชลบุรี
โดยคดีร้ายแรงที่เกิดขึ้น เพราะชาวรัสเซียมาก่อเหตุในพัทยา ก็คือ การมาซ่องสุมกันและรวมหัวกันปล้นธนาคาร เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2545 ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพัทยาใต้ ได้เงินไปจำนวนหลายล้านบาท และคนร้ายได้ยิงดาบตำรวจ ทรงกิตติ มณีโชติ เสียชีวิตในธนาคาร คนร้ายดังกล่าวมี นาย Tgher Emnyah Felix (ชาวยูเครน) นาย Minikeev Marat และ นาย Kuduyarov Rinat ซึ่งสองคนหลังเป็นชาวรัสเซีย
ในที่สุดกลุ่มที่ปล้นธนาคารไทยนี้ก็ถูกจับกุมได้ภายในเรือเร็วชื่อ Four Wins ซึ่งคนร้ายทั้งสามใช้หลบหนีออกจากอ่าวพัทยาไปน้ำมันหมดลอยเท้งเต้งอยู่ที่ปากน้ำ ปราณบุรี จนมุมเจ้าหน้าที่ทหารเรือและตำรวจน้ำที่เฝ้าสกัดอยู่ พร้อมเงินสดของกลางเป็นธนบัตรใบละพันบาทและในละห้าร้อยบาทอีกจำนวน 986,000 บาท
เมื่อครั้งสิ้นมาเฟียชาวเยอรมัน นายอูลริก วูล์ฟกัง ปิดตำนานมาเฟียต่างชาติไปคนหนึ่งแล้ว แต่มาเฟียชาวรัสเซียและชาวอื่นๆ ของพัทยาจะเป็นใคร
เราจะติดข่าวมารายงาน เนื่องจากธุรกิจสถานบริการเมืองพัทยา แทบทุกประเภท ตั้งแต่สถานอบอาบนวด สถานเริงรมย์ประเภทหนึ่งประเภทสองประเภทสามรวมทั้งการตั้งร้านอาหาร บาร์เบียร์ กระทำได้ง่ายยิ่งนัก รวมทั้งมีมูลค่ามหาศาลเป็นร้อยเป็นพันล้านบาทเป็นเดิมพันคุ้มค่าการลงทุน