ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ร้อง"ยามเฝ้าแผ่นดิน" แฉเลือกตั้งนายกเล็ก-ส.ท.เทศบาลขามทะเลสอ โคราชโคตรโกง เผยหอบเอกสารหลักฐานสารพัดวิชามารเข้าร้อง กกต.จังหวัดอย่างต่อเนื่องแต่เรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆไม่มีการตรวจข้อเท็จจริง กระทั่งกกต.กลางประกาศรับรองผลเลือกตั้งตามกฎใหม่ของประกาศคณะปฏิรูปฯ ชี้ฮึดสู้ยก 2 หอบหลักฐานบุกยื่นกกต.กลางร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ด้านประธาน กกต.นครราชสีมาแจงร้องรวม 10 เรื่อง ล่าสุดถูกกกต.กลางสั่งสอบเพิ่มเติมใหม่เพื่อชงให้ชี้ขาดต่อไป
นายนคร ถ้ำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลขามทะเลสอ หมายเลข 1 และหัวหน้าทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลขามทะเลสอ(ส.ท.) "กลุ่มร่วมใจพัฒนาขามทะเลสอ" เข้าร้องเรียนต่อ "ผู้จัดการรายวัน"ในฐานะส่วนหนึ่งของ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสท.เทศบาลตำบลขามทะเลลอ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ที่ผ่านมา ไม่มีความบริสุทธ์ยุติธรรมและเต็มไปด้วยพฤติกรรมส่อการทุจริตเอารัดเอาเปรียบคู่แข่งขันและกระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจนในสารพัดรูปแบบ ของผู้สมัครฯ กลุ่มผู้บริหารชุดเดิม นำโดย นายมาโนช มะลิขาว ผู้สมัครฯนายกเทศมนตรี หมายเลข 2 และหัวหน้าทีมผู้สมัครฯ ส.ท. "กลุ่มคนรักขาม"
ทั้งนี้ กลุ่มของตนได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ จำนวนมากเข้าร้องเรียนต่อ กกต.จังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 10 เรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผลและไม่เห็นมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ร้องเรียนแต่อย่างใด
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา กกต.กลางได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ที่นายมาโนช ผู้สมัครฯนายกเทศมนตรีหมายเลข 2 ได้ 1,129 คะแนน ส่วนตนได้ 1,049 คะแนน ห่างกันแค่ 80 คะแนน มีบัตรเสียทั้งหมด 153 บัตร ส่วนผลการเลือกตั้ง ส.ท. กลุ่มร่วมใจพัฒนาขามทะเลสอของตนได้รับเลือกตั้ง 7 คน ชนะกลุ่มคนรักขาม ที่ได้รับเลือกตั้ง 5 คน จากสมาชิกส.ท.ทั้งหมด 12 คน
"เราได้นำข้อมูลหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนทั้งในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้งกับกกต.จังหวัด แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า จนกกต.กลาง ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งออกมา โดยบอกว่าเป็นการรับรองผลการเลือกตั้งท้องถิ่นภายใน 30 วัน ตามประกาศของคณะปฏิรูปฯ แล้วค่อยมาพิจารณาสอยในภายหลัง" นายนคร กล่าว
ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้พวกเราได้เข้าร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง นายกเทศมนตรีและส.ท.เทศบาลตำบลขามทะเลสอ ต่อประธานกกต. กลาง ที่กรุงเทพฯ และยื่นข้อมูลเอกสารหลักฐานการกระทำความผิดกฎหมายลือกตั้ง ทั้งหมดของนายมาโนช มะลิขาว ผู้สมัครฯ นายกเทศมนตรีและหัวหน้ากลุ่มคนรักขาม พร้อมขอให้ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนจากส่วนกลางลงพื้นที่มาสืบสวนตามคำร้องเรียน และขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่
แฉยิบ 10 ข้อหาสารพัดวิธีโคตรโกง
นายนคร กล่าวต่อว่า ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่ได้ยื่นร้องกกต.กล่าวหา นายมาโนช มะลิขาว ผู้สมัครฯนายกเทศมนตรีหมายเลข 2 และ หัวหน้ากลุ่มคนรักขาม ได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือ ผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 นั้น มีความชัดเจนทั้งเอกสารหลักฐาน รูปถ่าย วีซีดี และพยานบุคคลยืนยัน รวมกว่า 10 เรื่อง ประกอบด้วย
1.เมื่อวันที่ 5,19 และ 26 สิงหาคม 2549 นายมาโนช มะลิขาว ได้ใช้งบประมาณเทศบาลฯ จูงใจประชาชนด้วยการแจกสิ่งของ ทุนการศึกษาและข้าวสาร เป็นการโฆษณาหาเสียงจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนให้แก่ตัวเองที่จะมีขึ้นในเดือนธันวาคม โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่และเงินงบประมาณแผ่นดินของเทศบาล ฯ ขณะดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯ
2. เดือน สิงหาคม 2549 นายมาโนช ได้จ่ายเบี้ยยังชีพคนชราเป็นเงินสดรวม 3 เดือน 900 บาท ทั้งที่โดยทางปฏิบัติที่ผ่านมาต้องโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของแต่ละคน แต่ครั้งนี้กลับจ่ายเป็นเงินสด และยังรับปากว่าจะจ่ายให้อีกในเดือน ต.ค. ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาภายใน 60 วันก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง จึงเป็นการเสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ผ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ พ.ศ. 2545 มาตรา 57(2),มาตรา 57 วรรค 2
3. เดือนกันยายน นายมาโนช และ ส.ท. กลุ่มคนรักขาม ได้จูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ด้วยการแจกวัตถุมงคลรูปหล่อเหมือนสมเด็จพระพุทฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รุ่น โชคลาภ ขนาดหน้าตัก 5 นิ้วแทบทุกครัวเรือน
ต่อมาเดือนตุลาคม นายมาโนช ได้ให้ผู้สูงอายุหลายคนเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เพื่อรอรับการโอนเงินยังชีพคนชรา ทั้งที่ยังไม่มีการประชุมว่าใครจะได้รับบ้าง จึงเป็นการจูงใจ โดยจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียม เพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 57 (1) ,ม.57 วรรค 2
4. การกระทำของ นายมาโนช ในข้อ 3 ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีการประชุมพิจารณาอนุมัติเบี้ยยังชีพคนชรา จึงได้มีคำสั่งเรียกประชุม และต่อมากลับมีคำสั่งยกเลิกการประชุม อีกทั้งเกรงว่าจะเสียคะแนนเสียง จึงให้ร้ายตนว่าเป็นผู้ร้องเรียนกกต.คัดค้านไม่ให้เทศบาลฯจ่ายค่ายังชีพคนชรา ซึ่งไม่เป็นความจริงทำให้ตนเสียหาย ตนจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายมาโนชในความผิดฐานใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาท ซึ่งเป็นการใส่ร้ายหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 57 (5)
5.วันที่ 3 พฤศจิกายน 2549 นายมาโนช มะลิขาว ในฐานะนายกเทศมนตรีฯ ได้ออกประกาศกำหนดสถานที่ปิดป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งย้อนหลังทับซ้อนกับฉบับแรก เพื่อให้ตรงกับป้ายหาเสียงของกลุ่มตนที่ชิงเอาเปรียบคู่แข่งไปติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การติดตั้งป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งของกลุ่มคนรักขาม เป็นการปิดประกาศนอกเหนือสถานที่ที่กำหนดไว้ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 62 วรรค 2
6. วันที่ 12,13,14, และ 15 ธันวาคม นายมาโนช กล่าวปราศรัยแถลงเป็นนโยบายสำคัญ ว่า จะตั้งกองทุนหมุนเวียนเกษตรกรและประชาชน โดยอ้างว่าจะให้เกษตรกรและประชาชนทุกคน ในเขตเทศบาลฯ ( จำนวน 3,000 คน มีหนี้เฉลี่ยคนละ 1 หมื่นบาท) ยืมเงินจากกองทุนฯไปใช้ชำระหนี้สินโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ซึ่งไม่มีความเป็นไปได้ในการหาเงินมาตั้งกองทุนของเทศบาลเพราะต้องใช้เงินสูงถึง 30 ล้านบาท จึงเป็นการจูงใจหลอกลวงให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับตัวเอง ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 57 (5)
7.วันที่ 12,13,14 และ 15 ธ.ค. ได้กล่าวปราศรัยหาเสียงบางวรรคบางตอน เป็นการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินทรัพย์สิน ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 57 (2)
8. เมื่อเดือน ธันวาคม หัวคะแนน (ขอสงวนชื่อ) ของ นายมาโนช ได้ไปจดชื่อประชาชน (ขอสงวนชื่อ) และบุคคลในบ้านสัญญาว่าจะนำเงินจากนายมาโนช มาให้หากลงคะแนนเลือกนายมาโนชและกลุ่มคนรักขาม ให้เป็นนายกเทศมนตรี และ ส.ท. อีกทั้งสัญญาว่าจะให้คนละ 500 บาท หากชาวบ้าน (มีพยานบุคคลยืนยัน) ลงคะแนนให้นายมาโนช ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 57 (1)
9. วันที่ 30 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง และล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาการหาเสียงของผู้สมัครฯ ตามกฎหมายแล้ว แต่ปรากฏว่า เวลาประมาณ 07.00 น. นายมาโนช และพวกได้เดินทางไปพบหัวคะแนน เพื่อร่วมกันออกหาเสียงบริเวณบ้านหนองขุ่น ซึ่งเป็นที่รู้ว่าเป็นปฏิบัติการซื้อตอนรุ่งสางก่อนเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง ฝ่าฝืนพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ม. 61
และ 10. มีการย้ายบุคคลนอกเขตเทศบาลฯเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของตัวเอง ญาติพี่น้องและผู้ใกล้ชิด แต่ไม่ได้อยู่อาศัยจริงจำนวนมาก เพื่อให้บุคคลดังกล่าวลงคะแนนให้แก่ นายมาโนช และผู้สมัครกลุ่มคนรักขาม เช่น เฉพาะทะเบียนบ้านนายมาโนช มีการย้ายเข้ามาถึง 8 คน เป็นต้น
ซัด "ผอ." เลือกตั้งท้องถิ่นไม่เป็นกลาง
นายนคร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้อำนวยการเลือกตั้งเทศบาลตำบลขามทะเลสอ (ปลัดเทศบาลฯ) และเป็นกรรมการการเลือกตั้งท้องถิ่น มีพฤติกรรมวางตัวไม่เป็นกลาง ให้การแนะนำ ช่วยเหลือและสนับสนุนผู้สมัครกลุ่มคนรักขาม เช่น อนุญาตให้ใช้รถเทศบาลฯขณะหาเสียงเลือกตั้ง ,นำกำลังทหารเข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สมัครฯ กลุ่มคนรักขาม,นับคะแนนไม่เป็นระเบียบ มีเหตุการณ์ไฟดับเฉพาะจุดนับคะแนน
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมาปลัดเทศบาลฯ ได้เชิญผู้ได้รับคะแนนการเลือกตั้งมาประชุม และชี้แจงกับผู้ร่วมประชุมว่า "ให้ทุกท่านเตรียมตัดเครื่องแบบได้เลย ตอนนี้พวกท่านเป็นว่าที่ 99 % แล้ว เหลือ อีก 1% เท่านั้นสำหรับใบแดง" ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่ได้มีการตรวจสอบและรับรองผลตามกฎหมาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลางอย่างชัดเจน
"เรื่องนี้พวกเราจะต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจาก กกต.ชุดใหม่ที่มาจากการสรรหาของผู้พิพากษา และรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนทั้งประเทศ ในการเข้ามาล้างระบบทุจริตการเลือกตั้งที่ฝังรากลึกมานาน พร้อมวางรากฐานการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง ให้แก่การเมืองไทย" นายนคร กล่าว
กกต.กลางสั่งจว.สอบใหม่รอบ 2
ด้าน นายไพบูลย์ มัฆวิมาลย์ ประธานกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ทางกกต.นครราชสีมา ได้พิจารณาเรื่องการร้องคัดค้านการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและส.ท. เทศบาลตำบลขามทะเลสอ ของนายนคร ถ้ำแก้ว รวม 10 เรื่อง โดยเห็นว่ามีมูล 2 เรื่อง เกี่ยวกับการสัญญาว่าจะให้และหาเสียงเกินระยะเวลากำหนด ซึ่งได้สอบสวนและส่งเรื่องให้ กกต.กลางเพื่อพิจารณาไปแล้ว
"แต่ล่าสุดกกต.กลาง มีคำสั่งให้ กกต.จังหวัดสอบสวนเพิ่มเติมอีก 3 เรื่อง คือ การแจกวัตถุมงคล ,การใส่ร้ายป้ายสีเรื่องค่ายังชีพคนชรา และ การย้ายคนเข้าทะเบียนบ้าน ซึ่งระหว่างนี้ผู้สมัครฯ ได้คะแนนอันดับ 1 ที่กกต.รับรองไปแล้ว เข้าบริหารเทศบาลไปก่อนจนกว่ากกต.กลางจะชี้ขาดผลการร้องคัดค้านการเลือกตั้งออกมาอีกครั้ง" นายไพบูลย์ กล่าว