ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เริ่มต้นปีหมูธุรกิจบ้านจัดสรรเมืองเชียงใหม่แข่งดุ แห่เปิดตัวด้วยการยึดทำเลทอง ติดถนนวงแวนทั้งกลางและรอบนอก โดยเฉพาะด้านทิศตะวันออกของเมือง โดยสร้างบ้านขายราคาระหว่าง 3-5 ล้านบาท เน้นจับลูกค้าระดับกลางถึงระดับบนเป็นหลัก
นายนนท์ หิรัญเชรษฐ์ กรรมการสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน เปิดเผยถึงภาวการณ์ซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ และใกล้เคียง โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคว่า เมื่อเปรียบเทียบจากตัวเลขแบบสอบถามของประชาชน ที่เข้าชมงานบ้านและตกแต่งทั้ง 2 ปี คือ 48 และ 49 พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเกี่ยวกับระยะเวลาของการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยมีการตัดสินใจเร็วขึ้น จากเมื่อปี 48 จะใช้การตัดสินใจซื้อภายใน 5 ปี แต่ปี 49 พบว่า จะตัดสินใจซื้อเพียง 1 ปีเท่านั้นโดยกลุ่มผู้บริโภคจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัทเป็นส่วนใหญ่ รองลงไป เป็นกลุ่มข้าราชการ และเจ้าของกิจการ
ส่วนประเภทของที่อยู่อาศัย จากแบบสอบถามพบว่า บ้านเดี่ยวเป็นที่สนใจมากที่สุด รองลงไปเป็นอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียม แต่ตัวเลขค่อนข้างจะถดถอยลงเมื่อเทียบกับปี 48 ขณะที่ความสนใจที่ดินเปล่ากลับเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 48 อาจเป็นเพราะผู้บริโภคบางส่วน มีที่อยู่อาศัยแล้วแต่ต้องการซื้อที่ดินเปล่าเพื่อไว้พักผ่อนหรือเก็งกำไร ทั้งนี้เมื่อมองที่รายได้แล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ10,000- 20,000 บาท โดยราคาบ้านอยู่ในระดับเฉลี่ยระหว่าง 1.5 -2 ล้านบาท
ด้านนางสาวณิทธกานต์ ชอบทำดี กรรมการผู้จัดการบริษัท C-MICE ในฐานะผู้จัดงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขเปรียบเทียบในแต่ละปี จะเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีตัวเลขเฉลี่ยเกี่ยวกับกำลังซื้อลดลงกว่า 20% แสดงว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคมีอัตราการถดถอยลง
อย่างไรก็ตาม ก็มีสัญญาณที่ดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่กลุ่มลูกค้ามีพฤติกรรมการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะเวลาที่สั้นมากขึ้น คือ 1 - 12 เดือน มากที่สุด 38% และระยะ 1 - 2 ปี อีก 27% ดังนั้น กลุ่มลูกค้าจะตัดสินใจซื้อทั้ง 2 ระยะคือ ตัดสินใจซื้อภายใน 2 ปี จะมีมากถึง 65% ในขณะที่ในปี 2548 ได้วางแผนยาวถึง 5 ปี
นอกจากนั้น สิ่งที่ยังเป็นความสนใจของกลุ่มผู้เข้าร่วมงานที่ใกล้เคียงกันทุกปีคือ การค้นหาข้อมูลโครงการที่น่าสนใจ รองลงไปคือการมาหาเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน และการเปรียบเทียบจุดเด่นของแต่ละโครงการ เป็นต้น ซึ่งในระยะยาวเชื่อว่าตลาดที่อยู่อาศัยของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงเติบโตต่อไปเนื่องจากมีกำลังซื้อจากกลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้น
วงการอสังหาฯแห่ยึดทำเลทองเกาะแนวถนนวงแหวน
นายจรินทร์ พงษ์เย็น ผู้อำนวยการบ้าน 3 โครงการในจังหวัดเชียงใหม่ของบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสาเหตุที่บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ให้ความสนใจกับทำเลรอบถนนวงแหวนด้านทิศตะวันออกของเชียงใหม่ โดยเฉพาะในปี 50จะมีการเปิดขายพร้อมกันถึง 2 โครงการว่า จากผลสำรวจของบริษัทฯ ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ปรากฏว่า แต่ละทิศของจังหวัดเชียงใหม่ ความพร้อมของทิศด้านตะวันออกของเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทิศของอำเภอสันกำแพงและดอยสะเก็ดถือเป็นทำเลที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับทิศเหนือด้านอำเภอแม่ริม ที่ไม่สามารถขยายออกไปได้มากเท่าที่ควรเพราะติดพื้นที่ราชการ
ทิศใต้ด้านอำเภอหางดง มีโครงการบ้านจัดสรรที่เกือบจะเต็มพื้นที่แล้ว ส่วนทิศตะวันตกก็ติดดอยไม่สามารถขยายออกไปได้อีก ทำให้ทิศตะวันออก ถือเป็นทิศเดียวของจังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ ที่ยังขยายตัวได้อีกมาก ประกอบกับจะมีอีกหลายโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะมาลงด้านนี้ด้วย จากข้อมูลเหล่านี้ทำให้บริษัทฯกล้าตัดสินใจเปิดที่เดียวพร้อมกัน 2 โครงการ
นายจรินทร์ กล่าวอีกว่า คิวเฮ้าส์มีสต๊อกบ้านสร้างเสร็จก่อนขายมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 1,000 ล้านบาทโดย 2 โครงการนี้จะอยู่บนทำเลติดกับถนนวงแหวนทั้ง 2 ด้าน คือด้านที่ขึ้นอยู่กับอำเภอสันกำแพงแต่อยู่บริเวณถนนตัดตรงมาจากถนนเจริญประเทศเรียกว่าโครงการ วรารมย์เจริญประเทศ และถือเป็นกลุ่มลูกค้าของผู้ที่ทำงานย่านเจริญประเทศที่อยู่กับอำเภอเมือง
ส่วนโครงการวรารมย์ แก้วนวรัฐจะขึ้นกับอำเภอดอยสะเก็ด แต่อยู่ถนนวงแหวนเส้นเดียวกันแต่จับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานย่านถนนแก้วนวรัฐในอำเภอเมืองเป็นหลัก โดยขนาดของที่ดินทั้ง 2 ทำเลจะใกล้เคียงกันคือแก้วนวรัฐ 78 ไร่ 247แปลง มูลค่าโครงการ 890 ล้านบาท และเจริญเมือง 95 ไร่ 262 แปลงมูลค่าโครงการ 926 ล้านบาท โดยราคาขายของทั้ง 4 แบบแต่ละแปลงทั้ง 2 โครงการจะอยู่ในระดับเฉลี่ยเท่า ๆ กันคือระหว่าง 3 - 4 ล้านบาท โดยกำหนดไว้ว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 3 ปี
นอกจากคิวเฮ้าส์แล้วยังมีโครงการอื่น ๆ ที่เน้นทำเลด้านทิศตะวันออกอีกไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ เช่น โครงการบ้านกาญจนกนก, โครงการบ้านฟ้าหลวง,โครงการรวมโชค โดยแต่ละโครงการเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบนเป็นหลักและราคาบ้านโดยเฉลี่ยประมาณ 3-5ล้านบาท สำหรับราคาประเมิน โดยส่วนใหญ่ในทำเลย่านดังกล่าวโดยเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 10,000-12,000 บาท/ตารางวา