นครปฐม – ตำรวจภาค 7 โชว์ผลงานบุกรวบทีมสังหาร “เสี่ยกวง” เจ้าของคาราโอเกะดังในเมืองนครปฐม นักธุรกิจพันล้าน พบประวัติผู้ต้องหาสุดแสบ ตระเวนปล้น-รับจ้างฆ่ามาแล้วหลายราย โดยตั้งเป็นทีมสังหารขึ้นมา มีทั้งภรรยาน้อย-ใหญ่ อยู่ในทีม พร้อมแบ่งหน้าที่กันทำงาน ขณะที่ผู้จ้างวานฆ่า “เสี่ยกวง” ยังหลบหนี ตำรวจเตรียมรวบตัวหลังพบหลักฐานชัดเจนว่าเป็นใคร
เมื่อเช้าวันนี้ (15 ก.พ.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) พร้อมด้วย พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม (ผบก.ภ.จว.นครปฐม) พ.ต.อ.เรวัช กลิ่นเกสร รอง ผบก.หน.ศสส.ภ.7} พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ตัยบุญเอก โฆษกตำรวจภูธรภาค 7 และชุดสืบสวนภาค 7 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันสังหาร นายจักรพงษ์ เกตุชัยมงคล หรือ “เสี่ยกวง” อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 755/3 ถ.ราชมรรคา ต.ห้วยจรเข้ อ.เมือง จ.นคปฐม เจ้าของเจอาร์คาราโอเกะชื่อดังใน จ.นครปฐม รวมถึงนักธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจรับเหมา รถบรรทุก โรงโม่หินใน จ.ราชบุรี เหตุเกิดที่หน้าร้านอาหารเจ้าสัว ถ.ราชมรรคา ต.ห้วยจระเข้ อ.เมืองนครปฐม เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2549 เวลาประมาณ 20.40 น.ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายบุญยะรถ หรือ เยิ้ม จับจุ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/3 ม.9 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี, นายชำนาญ หรือเสือรงค์ จับจุ อายุ 29 ปี พี่ชายของนายบุญยะรถ, นายเฉี่ย แผนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี หรือฉายา “เสือเฉี่ยเมืองสุพรรณ” อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.4 ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม และนางรำพึง แซ่ลิ้ม อายุ 55 ปี ภรรยาน้อย ตามหมายจับกุมของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ 183-184/2550 ลงวันที่ 14 ม.ค.2550
พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมคนร้ายที่สังหารเสี่ยกวง มาตลอดระยะเวลา 2 เดือนเศษ โดยจากการสอบสวนพบว่า ผู้ตายนั้นมีธุรกิจหลายอย่าง ทั้งสถานบริการ และโรงโม่หิน กระทั่งมาพบประเด็นความขัดแย้งเรื่องธุรกิจโรงโม่หินกับผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูงและมีการขายตัดราคากัน
โดย นายเฉี่ย ซึ่งตามประวัติเคยถูกจับกุมต้องโทษอยู่ในเรือนจำมาแล้ว พอพ้นโทษออกมาได้รวบรวมพรรคพวกออกปล้นทรัพย์และรับจ้างเป็นมือปืน จากนั้นได้มารู้จักกับนายประนอม ประทุมประสูติ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ม.13 ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันเป็นนายก อบต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง ซึ่งได้รับการไหว้วานมาจากนายทุนคนหนึ่ง ซึ่งประกอบธุรกิจโรงโม่หิน และขัดแย้งกับนายจักรพงษ์ ผู้ตาย เพื่อให้มาสังหาร ในราคา 400,000 บาท นายเฉี่ย จึงได้ติดต่อให้นายบุญยะรถ และนายชำนาญ สองพี่น้องให้มารับงานสังหาร และได้ลงมือก่อเหตุจนเสร็จสิ้นก่อนหลบหนีไปและถูกติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
โดยสาเหตุในการบุกสังหารโหดครั้งนี้เป็นที่แน่ชัดว่า เกิดจากเรื่องของการขัดแย้งในธุรกิจโรงโม่หินของผู้ตาย และนายทุนโรงโม่หินคนหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายบุญยะรถ และนายชำนาญ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และแจ้งข้อกล่าวหากับนายเฉี่ย ในข้อหาจ้างวานผู้อื่นตายโดยเจตนา
ส่วน นายประนอม ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานได้ไหวตัวและหลบหนีไปก่อน ซึ่งจะมีการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนผู้จ้างวานขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้วและได้มีการเตรียมขออนุมัติหมายจับกุมเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า จากการติดตามจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ และได้มีการสอบสวนอย่างละเอียด พบว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ไปรับจ้างจากนายทุนคนหนึ่ง เพื่อทำการสังหารนายบุญเลิศ เกษมเทวินทร์ รองนายก อบต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม มาแล้วเมื่อวันที่ 17 ม.ค.2550 เวลา 01.30 น.ที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะก่อเหตุ นายเฉี่ย พร้อมภรรยาทั้ง 2 คน คือ นางชะลอ แผนสมบูรณ์ ภรรยาหลวง และนางรำพึง แซ่ลิ้ม ภรรยาน้อย ได้ไปรับงานจากคนในพื้นที่ ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม ให้มาสังหารนายบุญเลิศ
แต่ในขณะที่ก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทำการจับตัวตัว นายบุญเลิศ มัดไว้ที่หลังบ้าน ส่วนลูกและภรรยาของนายบุญเลิศ ได้นำไปมัดรวมกันในห้องนอน โดยก่อนจะลงมือสังหารผู้ต้องหาทั้งหมด ได้เห็นทรัพย์สินภายในบ้านเป็นสิ่งล่อตา จึงได้ทำการปล้นทรัพย์และเข้าไปรื้อทรัพย์สินภายในบ้าน แต่ช่วงดังกล่าวนายบุญเลิศ ได้ดิ้นหลุดจากปมเชือกและวิ่งไปหาชาวบ้านให้แจ้งตำรวจ จึงรอดตายมาอย่างหวุดหวิด โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์ในยามวิกาล เพิ่มอีกหนึ่งข้อหา
พ.ต.อ.เรวัช กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัติของ นายเฉี่ย พบว่า มีประวัติร้ายกาจโดยได้ออกตระเวนปล้นฆ่ามาตั้งแต่อายุ 20 ปีเศษ ถูกจับกุมมาหลายครั้ง ที่ตาข้างซ้ายถูกยิงจนบอดสนิท และมีข้อมูลที่ออกปล้นทรัพย์จากประชาชนในเขตภาค 7 มาหลายแห่งทั้งใน จ.ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม โดยกำลังอยู่ในช่วงการขยายผล และยังมีผู้ต้องหาที่ยังต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีอีก คือ นายประนอม หรือนายกประกอบ ที่รับงานจากนายทุนคนหนึ่งในคดีสังหาร นายจักรพงษ์ และนายทุนที่จ้างวานนายเฉี่ย และนางชะลอ ภรรยา ให้มาสังหารนายบุญเลิศ รองนายก อบต.สระกระเทียม คาดว่า น่าจะได้คนร้ายที่ยังหลบหนีอีกไม่ยากนัก