ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลุ่มเด็กนักเรียนชาย-หญิงจังหวัดสระแก้วหลงผิดแห่สักยันต์เกือบยกชั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนหวั่นเสียภาพพจน์เรียกผู้ปกครองพบหาทางลบรอยสัก ล่าสุดเด็กบางคนเกิดแผลติดเชื้อแล้วและจากติดเชื้อโรคร้ายได้ในอนาคต
จากเหตุการณ์ที่มีเด็กนักเรียนแห่ไปสักยันต์จำนวนมากนั้น ทางผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าวพร้อมขอเข้าพบนายโสภี ศรีเพ็ชร ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวังสมบูรณ์ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงว่า ในช่วงแรกตนไม่ทราบและไม่เชื่อ แต่เมื่อมีเสียงพูดกันหนาหูและครูประจำชั้นได้แจ้งให้ทราบ ทางเราจึงได้ขอให้เด็กนักเรียนที่ไปสักยันต์มาและให้เปิดดูรอยสักยันต์ ซึ่งพบว่ามีรอยสักจริง จึงทำการตรวจสอบเด็กนักเรียนทั้งโรงเรียน
จากการตรวจสอบพบว่า ทั้งโรงเรียน มีเด็กที่สักยันต์ถึง 22 ราย เป็นเด็กผู้ชาย 19 คนเด็กผู้หญิงอีก 3 คน รวมแล้ว 22 คนและทั้งหมดเป็นเด็กชั้น ป.5 – ม.3 โดยมีการสักทั้งที่แขน, ขา และหลัง เด็กบางคนสักเกือบเต็มทั้งแผ่นหลังมีทั้งสักรูปหนุมาณ 8 กร หนุมาณเหยียบลงกา หนุมาณคลุกฝุ่น หนุมาณถือกฤช สิงห์ ยันต์เก้ายอด ยันต์ 8 ทิศ 10 ทิศ มหาอุตต์ พ่อแก่ ธงมหาชัย หัวใจขุนแผน
นายโสภี กล่าวต่อไปว่า จากการสอบถามเด็กแล้วทราบว่า พวกเขาไปสักยันต์กันที่สำนักสงฆ์นากระชาย ต.ทรายขาว อ.สอยดาว จ.จันทบุรี โดยคนสักนั้นเป็นคนนุ่งขาวห่มขาวสวมหัวร่างทรงพ่อแก่ โดยเสียค่าครูครั้งแรก 119 บาท ครั้งต่อไป 39 บาท บางคนไปสักยันต์ที่สำนักสงฆ์บ้านพรหมนิมิตร อ.คลองหาด จ.สระแก้ว แต่ที่นี่เป็นพระสักยันต์ให้
“จริงๆ แล้ว ถามว่ามันผิดไหมคงไม่ผิด เพราะไม่มีระเบียบเขียนเอาไว้ แต่เรากล้าที่จะเปิดเผยและไม่กลัวเสียชื่อโรงเรียน เพราะจะเป็นค่านิยมที่ผิดๆ จากการที่ได้สอบถามเด็กทั้งหมดแล้ว เขาสักโดยอาศัยจากกระแส จากความเชื่อ จากการที่ได้ดูหนัง และบางคนเห็นเพื่อนสักก็ไปสักตามแบบบ้าง ดูมันโก้และมีมนต์ขลัง บางคนบอกว่าสักยันต์แล้วเหนียว รถชนไม่เป็นไร” นายโสภี กล่าว
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนหวั่นจะบานปลายและกลัวเด็กจะตั้งกันเป็นแก๊งเป็นก๊กเช่นนี้ ทางโรงเรียน จึงได้เชิญผู้ปกครองของเด็กที่สักยันต์ทุกคนมาพบและแจ้งให้ทราบถึงผลดีและผลเสีย ซึ่งผู้ปกครองบางรายก็บอกว่ามาเห็นอีกครั้ง ลูกได้ไปสักยันต์แล้ว ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร บางคนได้พาลูกไปลบรอยสักจากจุดที่ไปสักมา ทำให้เป็นรอยแผลติดเชื้อ ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว 4 ราย ซึ่งทางโรงเรียนเราได้ส่งไปล้างแผลที่อนามัย ทุกวัน
เด็กชายสมพร (นามสมมุติ) หนึ่งใน 22 ราย กล่าวว่า ที่ตนเองไปสักนั้นได้เห็นรุ่นพี่เขาไปสักกันมาและเพื่อนๆชวนไป และเมื่อสักแล้วจะทำให้หนังเหนียวอยู่ยงคงกะพันธ์ แต่ต้องรักษาข้อห้ามอย่างเคร่งครัด คือห้ามด่าพ่อล้อแม่ ห้ามลักเล็ก ขโมยน้อย และห้ามกินของเหลือเดน ซึ่งเชื่อว่าจะป้องกันอันตรายได้
นอกจากนั้น จะเป็นคนเข็มแข็ง ชกต่อยมีเรื่องกันทำให้เจ็บเพียงเล็กน้อยและเมื่อมาทราบว่า เมื่อเป็นผู้ใหญ่และหางานทำ ซึ่งจะทำให้หางานทำยาก โดยไม่คิดว่า มันจะมีผลเสียตามมาอย่างมากตนจึงให้แม่พาไปลบรอยสักโดยมีการเป่าถอนคาถาและลบรอยสักเก้ายอดที่ตนสักมา
ขณะนี้แผลเกิดการติดเชื้ออักเสบอย่างแรงจนต้องไปโรงพยาบาลให้หมอรักษาบาดแผล ซึ่งการลบรอยสักในครั้งนี้ ได้ไปลบกับพ่อแก่คนหนึ่งที่รับสักและลบรอยสักอยู่ในตำบลทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น แต่การลบรอยสักนั้นไม่ถูกวิธีทำให้เด็กนักเรียนหลายคนเป็นแผลเน่าเละ เกิดการอักเสบติดเชื้อ อย่างที่เห็นอยู่นี้ เพื่อนบางคนสักถึง 15 ภาพ ซึ่งค่าลบรอยสักคิดภาพละ 600 บาท มากกว่าค่าสักครั้งแรกเสียอีก
นางอารมณ์ มิ่งมีสุข นักวิชาการ สำนักงานสาธารณสุข กิ่ง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว กล่าวว่า มีผู้ปกครองเด็กที่ไปสักยันต์และไปลบรอยสักมา ได้พาเด็กที่มีแผลติดเชื้อมาทำบาดแผลแล้ว จำนวน 4-5 รายด้วยกัน ซึ่งได้แจ้งให้มาทำการล้าง[ดแผลกันทุกวัน เช้า–เย็นแผลจะได้แห้งและเมื่อสอบถามเด็กนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ตนได้ทำหนังสือแจ้งให้ทางจังหวัดได้รับทราบ ถึงสำนักสงฆ์ ที่ปิดดำเนินการสักยันต์เด็กๆแล้ว เพราะเกรงว่าเข็มที่สักยันต์นั้นจะเป็นตัวแพร่เชื้อโรคได้ เพราะสักยันต์กันหลายคน และ แต่ละคนนั้นอาจจะติดเชื้อ เอช ไอ วีได้ และยอมรับว่าเป็นแผลติดเชื้อ ที่มีการรักษาไม่ถูกวิธี