ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมอุทยานฯ แพ้คดีเกาะง่าม จังหวัดตราด ต้องคืนเกาะง่าม และเงินปรับนับล้านให้เจ้าของเดิม ขณะเจ้าของเดิม เผยเกือบหมดตัว ต้องขายทรัพย์สินสู้คดี
นายปฐพี หรือ อดิศร พูลเกษม เจ้าของทวิน ไอแลนด์ รีสอร์ท หรือเกาะง่ามรีสอร์ท เกาะช้าว จังหวัดตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง โดย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการด้านป่าไม้และการขออนุญาต กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำกำลังเข้ารื้อถอน รีสอร์ท บ้านพัก เกาะง่ามรีสอร์ท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2546 แล้วเข้าปลูกสร้างอาคาร และที่พักอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง โดยอ้างว่า ตนได้เข้าบุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ทำให้ตนเองต้องวิ่งเต้น และนำหลักฐานเพื่อต่อสู้
ที่ผ่านมา คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) โดยมี พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน และผลการพิสูจน์สิทธิ พบว่า ตนเองได้ครอบครองมาก่อนที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จะประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯในปี 2525 แต่กรมอุทยานฯ กลับไม่ยอมรับทำให้ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ทำการฟ้องร้องคดีแพ่งกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2548 เพื่อให้คืนเกาะง่ามกลับมาเป็นของตนตามเดิม และขอเรียกค่าเสียหายจำนวน 90 ล้านบาท
ปรากฏว่า ศาลแพ่งได้ตัดสินให้ตนชนะคดี โดยให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินชดใช้จำนวน 1,120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 75 ต่อปี และให้จำเลยออกจากเกาะง่าม พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป และห้ามยุ่งเกี่ยวอีก นอกจากนี้ ให้จ่ายค่าทนายความ อีก 20,000 บาทให้อีกด้วย
นายปฐพี กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่ตนเองถูกละเมิดสิทธิและต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งส่วนตัวและครอบครัวจนเกือบหมดตัว ทรัพย์สมบัติบางชิ้นถูกธนาคารยึด และนำมาขายทอดตลาดส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และความมีศักดิ์ศรีของตน ที่ผ่านมาต้องถูกประณามว่า เป็นผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ โดยไม่สามารถชี้แจงความเป็นจริงได้ และในวันที่ 31 มกราคม 2550 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดตราดจะนำหมายไปปิดที่เกาะง่ามรีสอร์ท เพื่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ ออกจากพื้นที่ไปตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง จังหวัดตราด
“ผมเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เวลานานเกือบ 4 ปี ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิครอบครองในที่ดินบนเกาะง่าม ที่วันที่ผ่านมาได้ถูกยึด โดยส่วนราชการโดยมิชอบ วันนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะเกาะง่ามจะเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการกลับคืนมาสู่นักธุรกิจอีกครั้งของผม และครอบครัว แม้ผมจะมีแต่มือเปล่า แต่ต่อไปนี้ผมจะกลับมาฟื้นฟูเกาะง่ามให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่อไป”
นายปฐพี หรือ อดิศร พูลเกษม เจ้าของทวิน ไอแลนด์ รีสอร์ท หรือเกาะง่ามรีสอร์ท เกาะช้าว จังหวัดตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง โดย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้อำนวยการด้านป่าไม้และการขออนุญาต กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำกำลังเข้ารื้อถอน รีสอร์ท บ้านพัก เกาะง่ามรีสอร์ท เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2546 แล้วเข้าปลูกสร้างอาคาร และที่พักอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง โดยอ้างว่า ตนได้เข้าบุกรุกที่ดินของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ทำให้ตนเองต้องวิ่งเต้น และนำหลักฐานเพื่อต่อสู้
ที่ผ่านมา คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) โดยมี พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน และผลการพิสูจน์สิทธิ พบว่า ตนเองได้ครอบครองมาก่อนที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จะประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯในปี 2525 แต่กรมอุทยานฯ กลับไม่ยอมรับทำให้ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ทำการฟ้องร้องคดีแพ่งกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2548 เพื่อให้คืนเกาะง่ามกลับมาเป็นของตนตามเดิม และขอเรียกค่าเสียหายจำนวน 90 ล้านบาท
ปรากฏว่า ศาลแพ่งได้ตัดสินให้ตนชนะคดี โดยให้จำเลยทั้งสองจ่ายเงินชดใช้จำนวน 1,120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 75 ต่อปี และให้จำเลยออกจากเกาะง่าม พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกไป และห้ามยุ่งเกี่ยวอีก นอกจากนี้ ให้จ่ายค่าทนายความ อีก 20,000 บาทให้อีกด้วย
นายปฐพี กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 4 ปี ที่ตนเองถูกละเมิดสิทธิและต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งส่วนตัวและครอบครัวจนเกือบหมดตัว ทรัพย์สมบัติบางชิ้นถูกธนาคารยึด และนำมาขายทอดตลาดส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และความมีศักดิ์ศรีของตน ที่ผ่านมาต้องถูกประณามว่า เป็นผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ โดยไม่สามารถชี้แจงความเป็นจริงได้ และในวันที่ 31 มกราคม 2550 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดตราดจะนำหมายไปปิดที่เกาะง่ามรีสอร์ท เพื่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ ออกจากพื้นที่ไปตามคำพิพากษาของศาลแพ่ง จังหวัดตราด
“ผมเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เวลานานเกือบ 4 ปี ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิครอบครองในที่ดินบนเกาะง่าม ที่วันที่ผ่านมาได้ถูกยึด โดยส่วนราชการโดยมิชอบ วันนี้ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว เพราะเกาะง่ามจะเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการกลับคืนมาสู่นักธุรกิจอีกครั้งของผม และครอบครัว แม้ผมจะมีแต่มือเปล่า แต่ต่อไปนี้ผมจะกลับมาฟื้นฟูเกาะง่ามให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่อไป”