ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- รองแม่ทัพภาคที่ 2 บุกตรวจไฟไหม้โรงเรียนปรางค์กู่ศรีสะเกษ ย้ำให้ผู้บริหารโรงเรียนอีสานทุกแห่งจัดเวรยามป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มงวด ด้าน ตร.ตั้งปมเหตุไฟไหม้ 4 ประเด็น คือ ลอบวางเพลิง-ไฟฟ้าลัดวงจร-สร้างสถานการณ์ป่วน-ขัดแย้งการเมือง ในพื้นที่ พร้อมเตรียมเรียกสอบนักการเมือง เผยเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนฟันธงคดีไฟไหม้ ร.ร.เสิงสางโคราช 29 ธ.ค.นี้ คาดมีข่าวดี ส่วนไฟไหม้ ร.ร.ประสารวิทยา อ.สีคิ้ว รวบ 2 ช่างปิดดคีแล้ว ด้านข้อมูลทหารระบุหลัง คมช.ยึดอำนาจเกิดเหตุเผาโรงเรียนภาคอีสานแล้วถึง 19 ครั้ง ตร.จับผู้ลงมือได้แค่ 3 แห่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุไฟไหม้โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เช้าตรู่วันนี้ (25 ธ.ค.) ว่า ล่าสุด เวลา 11.30 น.วันเดียวกันนี้ พล.ต.ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย พ.อ.นิรุธ เกตุสิริ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 พ.อ.สมชาย เพ็งกูด รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 16 พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเพลิงไหม้โรงเรียนปรางค์กู่ โดยมี นายสันทัด จัตุชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ รายงานเหตุการณ์เบื้องต้นให้ทราบ
พล.ต.ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ว่า ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดขึ้นจากอะไร ซึ่งจะต้องมีการตรวจพิสูจน์กันอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่มีการคาดคะเนว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรนั้น จะต้องมีการพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้ที่ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้น ตนขอย้ำเตือนไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งในเขตรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ขอให้จัดเวรยามเฝ้ารักษาความปลอดภัยของโรงเรียนทุกแห่งอย่างเข้มงวด
พร้อมทั้งให้ฝึกอบรมวิธีการดับเพลิงให้ครูและนักเรียนด้วย และขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาได้ผูกมิตรกับชาวบ้าน เพื่อที่จะได้ช่วยกันในการรักษาดูแลอาคารสถานที่ไม่ให้มีการลอบวางเพลิงหรือเกิดเพลิงไหม้โรงเรียนขึ้น
ตร.ภาค 3 ตั้ง 4 ปม-ไม่ตัดทิ้งสร้างสถานการณ์
ด้าน พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรสีห์ สุนทรศารทูล รอง ผบช.ภ.3 พร้อมด้วยตำรวจวิทยาการเขต 2 ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานสาเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ไว้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย
1.เกิดจากการลอบวางเพลิง หรือการกระทำของ บุคคล 2.อุบัติเหตุ หรือไฟฟ้าลัดวงจร เพราะจากการสอบสวนเบื้องต้นภรรยาของนักการภารโรง ซึ่งมีบ้านอยู่ติดด้านหลังอาคารเรียนที่เกิดเพลิงไหม้ที่ตื่นนอนประมาณเวลา 03.00 น.เพื่อทำอาหารให้เด็กนักเรียนทุกวัน ระบุว่า พบกระแสไฟฟ้าตก และได้ยินเสียงดังคล้ายไฟฟ้าช็อตก่อนเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้น 3.การสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ และ 4.ความขัดแย้งทางการเมืองในพื้นที่
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองวิทยาการตำรวจภูธร จังหวัดศรีสะเกษ กำลังเข้าตรวจสอบเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป หากผลระบุว่าเป็นการลอบวางเพลิง จะมีการเรียกสอบนักการเมืองในพื้นที่ทั้งระดับชาติ และท้องถิ่นต่อไป ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อม ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียนปรางค์กู่ ครู นักการภารโรงและภรรยา รวมกว่า 5 ปากแล้ว
“ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) ผมจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และติดตามความคืบหน้าจากชุดสืบสวนสอบสวนและตำรวจในท้องที่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น” พล.ต.ท.สถาพร กล่าว
ประชุมฟันธงคดีไฟไหม้ ร.ร.เสิงสาง 29 ธ.ค.
พล.ต.ท.สถาพร กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนบ้านสกัดนาควิทยา อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยว่า คดีมีความคืบไปมากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 30 ปาก รวมทั้ง นายปฐมฤกษ์ มณีเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต 3 และนายวิชัย ไชยเสนา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสกัดนาควิทยา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มุ่งสอบสวนการลอบวางเพลิงไปในประเด็นสำคัญ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ปัญหาความขัดแย้งภายโรงเรียน ซึ่งทั้งครูและนักการภารโรงให้การไม่ตรงกัน นอกจากนี้ ยังพบว่า ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทำเรื่องขอจำหน่ายอาคารหลังที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งอยู่ในสภาพเก่าเพื่อของบประมาณสร้างอาคารใหม่ทดแทน และเชื่อมโยงกับนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่จะให้งบฯสนับสนุนสำหรับโรงเรียนที่ประสบเหตุก่อน แต่จนถึงขณะนี้โรงเรียนบ้านสกัดนาควิทยายังไม่ได้งบประมาณดังกล่าวและมาเกิดเหตุขึ้นก่อน
2.เกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก โดยเฉพาะรถยนต์กระบะที่ชาวบ้านเห็นวิ่งเข้ามาภายในโรงเรียนก่อนเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบหมวดอักษร ป้ายทะเบียนรถคันดังกล่าวแล้ว และพยานระบุว่า เป็นรถกระบะสีบรอนซ์ทอง ไฟด้านหน้ารถเป็นรูปเหลี่ยม และ 3. เกิดจากความคึกคะนองของกลุ่มวัยรุ่นที่อาจจะเข้าไปเล่นอยู่ในอาคารโรงเรียนที่เกิดเหตุ
“ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างชุดสอบสวนและสืบสวนที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาตั้งขึ้นมาคลี่คลายคดี เพื่อสรุปสำนวนคดีก่อนระบุกลุ่มคนร้ายที่ลงมือเผาโรงเรียนบ้านสกัดนาควิทยาซึ่งคาดว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้แน่นอน” พล.ต.ท.สถาพร กล่าว
จับ 2 ช่างซ่อมปิดคดีไฟไหม้ ร.ร.ประสารฯสีคิ้ว
ส่วนกรณีไฟไหม้โรงเรียนประสารวิทยา เขตเทศบาลตำบลสีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.นั้น ทางตำรวจได้จับผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นช่างที่เข้าไปซ่อมแซ่มต่อเติมอาคารเรียนที่เกิดเหตุ คือ นายนงค์ พยัคฆเดช และนายอำนวย ติ๊บกันเงิน โดยทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพ ตำรวจจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) เวลา 10.00 น.พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนทั่วประเทศยกเว้นภาคใต้ไปประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ชี้แจงเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นในแต่ละแห่ง พร้อมกำชับนโยบายเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ดูแลป้องกันเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนที่อาจเกิดขึ้นอีก พล.ต.ท.สถาพร กล่าว
ทหารระบุไฟไหม้ ร.ร.อีสานแล้ว 19 ครั้ง จับได้แค่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า จากการรวบรวมข้อมูลของฝ่ายทหารกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า นับตั้งแต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัดพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 2 แล้วถึง 19 ครั้ง ประกอบด้วย จ.หนองคาย 4 ครั้ง, นครราชสีมา 5 ครั้ง ล่าสุด ไฟไหม้โรงเรียนประสารวิทยา เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา , บุรีรัมย์ 2 ครั้ง, ศรีสะเกษ 3 ครั้ง ล่าสุด ไฟไหม้โรงเรียนปรางค์กู่ อ.ปรางค์กู่ เช้าวันนี้ (25 ธ.ค. ),อุบลราชธานี, ชัยภูมิ, กาฬสินธุ์, เลย และยโสธร จังหวัดละ 1 ครั้ง
โดยส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ ว่า มาจากไฟฟ้าลัดวงจร ในจำนวนนี้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดหรือลอบวางเพลิงได้แค่ 3 ครั้ง คือ เหตุเพลิงไหม้โรงเรียนน้อยกุดคล้า ต.เสมา อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2549 เกิดจากความคึกคะนองของเด็กและผู้ปกครองพาเข้ามอบตัว, โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 26 ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2549 เกิดจากนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่ดี และโรงเรียนโนนรัง ต.โนนรัง อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2549 นักการภารโรงรับสารภาพทิ้งก้นบุหรี่ในที่เกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2548 พบว่า เกิดขึ้นทั้งสิ้นจำนวน 127 ครั้ง แบ่งเป็นเพลิงไหม้โรงเรียนจำนวน 5 ครั้ง เท่านั้น สรุปมีสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร 4 ครั้ง และลอบวางเพลิง 1 ครั้ง