เชียงราย/ตาก - 5 กลุ่มทุนทำไม้ไทยแห่ขอนำเข้าไม้พม่าผ่านแม่สาย เผยส่วนหนึ่งมุ่งนำส่งจีน-ไต้หวัน ขณะที่บางส่วนส่งเข้าโรงงานแปรรูปไม้ในประเทศ เสนอรัฐบาลไทยตั้งโต๊ะเจรจาซื้อไม้จากพม่าแบบรัฐต่อรัฐ ด้านชมรมผู้ประกอบการขนส่งฯรุกรัฐไฟเขียวขนไม้ข้ามแดนไทยได้
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนทำไม้ไทยพยายามหาช่องทางนำเข้าไม้ซุงท่อนจากพม่าผ่านเข้ามาทางท่าขี้เหล็กตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัท ตากทวีทรัพย์ จำกัด ของกลุ่มทุนชายแดนรู้จักกันในนาม “เสี่ยออด” ได้นำเข้าไม้สักท่อนจากพม่าเข้ามาทางด้านสะพานแม่สายแห่งที่สอง บ้านสันผักฮี้ ต.แม่สาย อ.แม่สาย มากถึง 5,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวนหลายพันท่อน มูลค่าราว 100 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าขออนุญาตผ่านแดนไปประเทศที่สาม คือ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน - ไต้หวัน โดยมีแผนที่จะขนจากชายแดนแม่สายไปลงที่ท่าเรือคลองเตยก่อนส่งออกไปประเทศที่ 3 ต่อ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง คือ บริษัท โรงเลื่อยจักร STL จำกัด, บริษัท หาญตระกูล จำกัด, บริษัท นครหลวงวีเนียร์ จำกัด ขออนุญาตนำเข้าไม้สักท่อนจากพม่าเพื่อนำมาแปรรูปในประเทศและขอจัดตั้งคลังศุลกากรชั่วคราวเพื่อเก็บรักษาไม้ที่ชายแดน อ.แม่สาย อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ หจก.ศิวา พาณิชย์ ที่ดำเนินงานโดยนายอานนท์ มากมาศิลป์ หรือ “เสี่ยอ๋า” นักธุรกิจชายแดนเจ้าของบริษัท ศิวา จำกัด ซึ่งมีสำนักงานที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน ตามประวัติเป็นชาว อ.แม่สาย และทำธุรกิจเกี่ยวกับไม้สักและเฟอร์นิเจอร์มานานแล้ว อดีตเคยเป็นเพื่อนกับ "กำนันแดง : นายแสงสนิท ไชยศรี" อดีตกำนันดังผู้ล่วงลับนำเข้ามาเพียงรายเดียว โดยล็อตแรกนำเข้าเมื่อต้นปี 49 ที่ผ่านมา จำนวน 270 ท่อนปริมาตร 270 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ลำเลียงไม้สักท่อนเข้ามาอีกราว 60,000 ลูกบาศก์เมตร หรือราว 3 หมอนไม้ จำนวนนับหมื่นท่อน
นายอานนท์ เปิดเผยว่า ในพม่ามีอุตสาหกรรมทำไม้ขนาดใหญ่และแต่ละปีพม่าส่งออกไม้สักจากกรุงย่างกุ้งปีละราว 5 แสนลบ.ม. ส่งขายทั่วโลก 167 ประเทศ หากจังหวัดเชียงรายเปิดให้นำเข้าไม้สักจากพม่าถูกต้องตามกฎหมายได้ก็จะเป็นช่องทางนำเข้ามหาศาล เพราะประเทศไทยขาดแคลนไม้สัก และคาดว่าระยะอันใกล้จะมีไม้สักจากพม่าที่อยู่ในคลังไม้ของพม่าจำนวนมาก โดยเป็นไม้สักจากเขตรัฐฉานของพม่าที่ทางการพม่าตัดเข้าคลังไว้
ด้านนายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า สิ่งที่อยากขอให้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี คือ เรื่องการนำเข้าไม้จากพม่าอย่างถูกต้อง ในแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะแม้แต้เพื่อนบ้านอย่างเช่นจีนและมาเลเซียเองก็ซื้อไม้จากพม่า แต่ไทยเองกลับไม่มีนโยบายดังกล่าว อีกทั้งยังตั้งมาตรการกีดกันการนำเข้าโดยอ้างเพียงว่า กลัวเป็นไม้นุ่งโสร่ง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรจะทบทวนถึงแนวทางความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การนำเข้าไม้พม่าเพื่อส่งผ่านไปยังประเทศที่ 3 เริ่มเกิดปัญหาขึ้น หลังจากกรมการค้าต่างประเทศสั่งห้ามขนไม้ข้ามแดนจากพม่าไปประเทศที่ 3 ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่รวมตัวกันในนามชมรมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดนเคลื่อนไหวผลักดันให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยเตรียมยื่นหนังสือต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนกรณีได้รับความเดือดร้อนจากการที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าไม้ซุง ซึ่งเป็นคำสั่งที่ขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่ออกมาเมื่อปี 2548
พวกเขาเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวออกมาเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค (Hub-Logistics) เปลี่ยนระบบขนส่งข้ามประเทศ หรือถ่ายลำให้สามารถขนส่งผ่านประเทศไทยได้ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ และสามารถถ่ายจากรถลงเรือ ถ่ายจากเรือขึ้นรถได้ เมื่อกฎหมายนี้ออกมาผู้ประกอบการขนส่งคนไทยได้ไปรับจ้างขนส่งไม้จากประเทศพม่าเพื่อไปประเทศที่ 3 จำนวนมาก ซึ่งกรมศุลกากรได้อนุญาตเพราะเป็นไปตามกฎหมาย แต่ต่อมากรมการค้าต่างประเทศกลับส่งหนังสือเวียนระงับการขนส่งดังกล่าว อ้างว่าต้องขออนุญาตการนำเข้าและส่งออก (C/O) ก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้เพราะประเทศไทยห้ามส่งออกไม้
โดยคำสั่งดังกล่าวของกรมการค้าต่างประเทศทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหายมาก มีสินค้าค้างอยู่ที่บริเวณชายแดนจำนวนมาก ทั้งที่ด่านแม่สาย จ.เชียงราย และ อ.แม่สอด จ.ตาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ได้รับความเดือดร้อนมาก ที่สำคัญทำให้ประเทศไทย สูญเสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ไปด้วย
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า ในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนทำไม้ไทยพยายามหาช่องทางนำเข้าไม้ซุงท่อนจากพม่าผ่านเข้ามาทางท่าขี้เหล็กตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัท ตากทวีทรัพย์ จำกัด ของกลุ่มทุนชายแดนรู้จักกันในนาม “เสี่ยออด” ได้นำเข้าไม้สักท่อนจากพม่าเข้ามาทางด้านสะพานแม่สายแห่งที่สอง บ้านสันผักฮี้ ต.แม่สาย อ.แม่สาย มากถึง 5,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวนหลายพันท่อน มูลค่าราว 100 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าขออนุญาตผ่านแดนไปประเทศที่สาม คือ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน - ไต้หวัน โดยมีแผนที่จะขนจากชายแดนแม่สายไปลงที่ท่าเรือคลองเตยก่อนส่งออกไปประเทศที่ 3 ต่อ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเอกชนอีก 3 แห่ง คือ บริษัท โรงเลื่อยจักร STL จำกัด, บริษัท หาญตระกูล จำกัด, บริษัท นครหลวงวีเนียร์ จำกัด ขออนุญาตนำเข้าไม้สักท่อนจากพม่าเพื่อนำมาแปรรูปในประเทศและขอจัดตั้งคลังศุลกากรชั่วคราวเพื่อเก็บรักษาไม้ที่ชายแดน อ.แม่สาย อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ หจก.ศิวา พาณิชย์ ที่ดำเนินงานโดยนายอานนท์ มากมาศิลป์ หรือ “เสี่ยอ๋า” นักธุรกิจชายแดนเจ้าของบริษัท ศิวา จำกัด ซึ่งมีสำนักงานที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน ตามประวัติเป็นชาว อ.แม่สาย และทำธุรกิจเกี่ยวกับไม้สักและเฟอร์นิเจอร์มานานแล้ว อดีตเคยเป็นเพื่อนกับ "กำนันแดง : นายแสงสนิท ไชยศรี" อดีตกำนันดังผู้ล่วงลับนำเข้ามาเพียงรายเดียว โดยล็อตแรกนำเข้าเมื่อต้นปี 49 ที่ผ่านมา จำนวน 270 ท่อนปริมาตร 270 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ลำเลียงไม้สักท่อนเข้ามาอีกราว 60,000 ลูกบาศก์เมตร หรือราว 3 หมอนไม้ จำนวนนับหมื่นท่อน
นายอานนท์ เปิดเผยว่า ในพม่ามีอุตสาหกรรมทำไม้ขนาดใหญ่และแต่ละปีพม่าส่งออกไม้สักจากกรุงย่างกุ้งปีละราว 5 แสนลบ.ม. ส่งขายทั่วโลก 167 ประเทศ หากจังหวัดเชียงรายเปิดให้นำเข้าไม้สักจากพม่าถูกต้องตามกฎหมายได้ก็จะเป็นช่องทางนำเข้ามหาศาล เพราะประเทศไทยขาดแคลนไม้สัก และคาดว่าระยะอันใกล้จะมีไม้สักจากพม่าที่อยู่ในคลังไม้ของพม่าจำนวนมาก โดยเป็นไม้สักจากเขตรัฐฉานของพม่าที่ทางการพม่าตัดเข้าคลังไว้
ด้านนายอำพล ฉัตรไชยาฤกษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า สิ่งที่อยากขอให้รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี คือ เรื่องการนำเข้าไม้จากพม่าอย่างถูกต้อง ในแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะแม้แต้เพื่อนบ้านอย่างเช่นจีนและมาเลเซียเองก็ซื้อไม้จากพม่า แต่ไทยเองกลับไม่มีนโยบายดังกล่าว อีกทั้งยังตั้งมาตรการกีดกันการนำเข้าโดยอ้างเพียงว่า กลัวเป็นไม้นุ่งโสร่ง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลควรจะทบทวนถึงแนวทางความเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การนำเข้าไม้พม่าเพื่อส่งผ่านไปยังประเทศที่ 3 เริ่มเกิดปัญหาขึ้น หลังจากกรมการค้าต่างประเทศสั่งห้ามขนไม้ข้ามแดนจากพม่าไปประเทศที่ 3 ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่รวมตัวกันในนามชมรมผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดนเคลื่อนไหวผลักดันให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยเตรียมยื่นหนังสือต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนกรณีได้รับความเดือดร้อนจากการที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามขนส่งสินค้า โดยเฉพาะสินค้าไม้ซุง ซึ่งเป็นคำสั่งที่ขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบที่ออกมาเมื่อปี 2548
พวกเขาเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวออกมาเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค (Hub-Logistics) เปลี่ยนระบบขนส่งข้ามประเทศ หรือถ่ายลำให้สามารถขนส่งผ่านประเทศไทยได้ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ และสามารถถ่ายจากรถลงเรือ ถ่ายจากเรือขึ้นรถได้ เมื่อกฎหมายนี้ออกมาผู้ประกอบการขนส่งคนไทยได้ไปรับจ้างขนส่งไม้จากประเทศพม่าเพื่อไปประเทศที่ 3 จำนวนมาก ซึ่งกรมศุลกากรได้อนุญาตเพราะเป็นไปตามกฎหมาย แต่ต่อมากรมการค้าต่างประเทศกลับส่งหนังสือเวียนระงับการขนส่งดังกล่าว อ้างว่าต้องขออนุญาตการนำเข้าและส่งออก (C/O) ก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้เพราะประเทศไทยห้ามส่งออกไม้
โดยคำสั่งดังกล่าวของกรมการค้าต่างประเทศทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหายมาก มีสินค้าค้างอยู่ที่บริเวณชายแดนจำนวนมาก ทั้งที่ด่านแม่สาย จ.เชียงราย และ อ.แม่สอด จ.ตาก มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ได้รับความเดือดร้อนมาก ที่สำคัญทำให้ประเทศไทย สูญเสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ไปด้วย