ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้ว่าฯสุรินทร์ นำคณะออกติดตามการเร่งระบายข้าวหลุดจำนำโครงการจำนำข้าวเปลือก ณ ยุ้งฉางเกษตรกร ค้างเก่าปีที่แล้วของ ธ.ก.ส.เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเกษตรกรไม่มียุ้งฉางเก็บข้าวในฤดูกาลใหม่ เผย ปัญหาเริ่มคลี่คลายโรงสีข้าว 23 แห่ง พร้อมร่วมมือรับฝากข้าวหลังรัฐยอมยกเลิกบัญชีดำโรงสีที่มีปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ระบุ ระบายจากยุ้งฉางเกษตรกรได้แล้ว 25% จากทั้งหมดกว่า 1.6 แสนตัน คาดหมดเกลี้ยง 15 ธ.ค.
วันนี้ (30 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ การค้าภายในจังหวัด ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ออกตรวจโรงสีข้าวในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการการระบายข้าวเปลือกที่หลุดจำนำในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ณ ยุ้งฉางเกษตรกรฤดูการผลิตปี 2548/2549 ของ ธ.ก.ส.ออกจากยุ้งฉางเกษตรกร โดยมีโรงสีข้าวในจังหวัดสุรินทร์จำนวน 23 โรง ให้ความร่วมมือเป็นยุ้งฉางกลางรับฝากข้าวเปลือกหลุดจำนำดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม บรรดาโรงสีข้าวดังกล่าวได้หยุดรับฝากในในช่วงวันที่ 26-27 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหา เนื่องจากโรงสีส่วนใหญ่ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือแบล็กลิสต์ ของกระทรวงพาณิชย์ จนเป็นเหตุให้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนนำรถบรรทุกข้าวปิดถนนประท้วงบริเวณหน้าโรงสีข้าว อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สาเหตุการถูกขึ้นบัญชีดำของโรงสีข้าว จ.สุรินทร์ เพราะเป็นผู้ละทิ้งการเสนอซื้อข้าวเปลือกจำนำกับ ธ.ก.ส.จำนวน 14 โรง และอีก 2 โรง ต้องถูกดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาเพราะปริมาณข้าวรับจำนำปีที่ผ่านมาไม่ตรงกับที่รายงานไว้กับทางองค์การคลังสินค้า (อคส.)ทำให้ไม่มีสิทธิแปรรูปข้าวเปลือกหลุดจำนำดังกล่าว และรัฐจำต้องนำโรงสีข้าวนอกพื้นที่นำข้าวไปแปรรูปในอัตราตันละ 400 บาท อีกทั้งไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิตปี 2549/50 ของรัฐบาลได้
กรณีปัญหาข้างต้น ทางจังหวัดสุรินทร์ได้นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้แทนโรงสีข้าว และ ธ.ก.ส. หารือร่วมกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) กระทรวงพาณิชย์ ได้ข้อยุติ ว่า ให้โรงสีในจังหวัดสุรินทร์ไปทำสัญญาซื้อขาย วางหลักประกัน และชำระเงินให้เรียบร้อยพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวด แล้วโรงสีจะได้รับการปลดออกจากบัญชีดำผู้ละทิ้งการเสนอซื้อข้าวเปลือกของรัฐบาล (แบล็กลิสต์) และสามารถเข้าร่วมโครงการสีข้าวแปรรูปข้าวเปลือกที่หลุดจำนำและสามารถเข้าโครงการจำนำข้าวเปลือกปี 2549/2550 ได้ ส่วนโรงสีที่ต้องถูกดำเนินคดีนั้นจะหาแนวทางแก้ปัญหาต่อไป
ขณะนี้โรงสีจำนวนหลายแห่งของจังหวัดสุรินทร์ ได้ทยอยไปทำสัญญาวางหลักประกันและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว และเริ่มเปิดรับฝากข้าวเปลือกที่หลุดจำนำอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. เป็นต้นมา ทำให้ความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางเก็บข้าวในฤดูกาลใหม่ปีนี้ เพราะข้าวที่จำนำในยุ้งฉาง กับธ.ก.ส. ปีที่ผ่านมาไม่ได้รับการระบายออกไป ได้คลี่คลายลง
นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ล่าสุดยุ้งฉางกลางของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการได้รับฝากข้าวเกษตรกรที่หลุดจำนำจาก ธ.ก.ส.ไว้แล้วประมาณ 25% ของข้าวเปลือกหลุดจำนำที่ต้องการระบายทั้งหมดจำนวน 160,000 ตัน จากที่ ธ.ก.ส.รับจำนำไว้ทั้งสิ้น 184,021 ตัน และคาดว่าจะสามารถระบายข้าวออกจากยุ้งฉางเกษตรกรได้เสร็จสิ้น ภายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิตปี 2549/50 แบบจำนำใบประทวนที่โรงสีข้าว นั้น ได้มีโรงสีข้าวสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 31 แห่ง ได้รับอนุมัติให้เปิดรับจำนำไปแล้วจำนวน 1 โรง ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ จาก อคส.
“การออกมาตรวจโรงสีข้าวครั้งนี้เพื่อติดตามการเปิดรับฝากข้าวที่หลุดจำนำของเกษตรกร ซึ่งจากการตรวจสอบที่โรงสีสุรินทร์สหพืชผล ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบว่า โรงสีได้เปิดรับมอบข้าวจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง และมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกที่หลุดจำนำมาส่งมอบแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่จุดรับมอบมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลร่วมกัน ทั้งตัวแทนเกษตรกร เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. และผู้แทนของจังหวัดทำให้การรับมอบข้าวโดยทั่วเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” นายพูลศักดิ์ กล่าว