ศูนย์ข่าวศรีราชา -รวบหนุ่ม นามสกุล “หนุนภักดี” จี้ชิงทรัพย์หลายคดีจนมุมตำรวจสืบสวนสัตหีบ รู้แกวชอบนำเงินบำเรอสาว ล่าสุดมีข้อต่อรองกับอาจารย์ ให้ส่งลูกสาวไปเที่ยวด้วยจึงจะคืนเอกสารสำคัญให้ เจอซ้อนแผนให้ลูกสาวโทรนัดหน้าหมู่บ้านเจอรวบ
วันนี้ (24 พ.ย. 49) พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เผือกวัฒนะ สารวัตรเวร สถานีตำรวจภูธรอำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจาก นางพูลทรัพย์ สื่อสุวรรณ อายุ 45 ปี อาจารย์แผนกธุรการ โรงเรียนบำรุงศิษย์ศึกษาสัตหีบ หมู่ที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอ สัตหีบ มีบ้านพักเลขที่ 2234/1537 หมู่ที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่าขณะที่ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ รุ่นอาร์ซี 80 สีฟ้า หมาย เลขทะเบียน บ-2310 ระยอง ออกมาจากบ้านพัก โดยได้นำกระเป๋าถือใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถ
เมื่อมาถึงซอยบำรุงศิษย์ ได้มีวัยรุ่น 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน ขคค-574 ระยอง สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สีขาวฟ้า สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีนส์ เข้ามาประกบตีคู่ แล้วใช้มือซ้ายหยิบกระเป๋าถือหนีไปในซอยดังกล่าว ซึ่งภายในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 7,460 บาท สร้อยโกเมน 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือโนเกีย 1 เครื่อง บัตรเครดิต บัตรประชาชน และเอกสารสำคัญอีกจำนวนมาก
จากการสอบสวน นางพูลทรัพย์ ทราบว่าหลังจากที่ได้ถูกคนร้ายชิงกระเป๋าไปแล้ว ได้พยายามโทรศัพท์เข้าหมายเลขของตัวเอง จนในที่สุดได้มีคนรับสาย และได้มีการต่อรองนัดหมายให้จะนำเอกสารมาคืน โดยคนร้ายได้มีข้อต่อรองว่า ต้องปล่อยให้ลูกสาวออกไปเที่ยวกับตัวเอง 1 วัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทราบข้อมูล จึงได้ทำการวางแผนให้ นางสาว ศศิประภา สื่อสุวรรณ อายุ 16 ปี บุตรสาวของผู้เสียหาย โทรศัพท์ไปนัดหมายกับคนร้าย เพื่อจะไปเที่ยวด้วย
ทำให้คนร้ายหลงกลลวงของตำรวจมาตามนัดหมาย ที่หน้าหมู่บ้านพบโชค หมู่ที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุม ค้นที่ตัว นายอุทัย หนุนภักดี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/4 หมู่ที่ 2 ตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง พบอาวุธปืน ขนาด .32 แม๊กกาซีน พร้อมกระสุน 3 นัด บรรจุอยู่ในรังเพลิง พกอยู่ที่เอว สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินดอลล่า จำนวน 1 ใบ
ขณะเข้าจับกุม นายอุทัย ยังได้อ้างว่า พ่อเป็นหลานชายของ พล.อ.อิสรพงษ์ หนุนภักดี ส่วน ตัวเองมีศักดิ์เป็นหลานชายของนายตำรวจใหญ่ ชื่อ ชัยณรงค์ หนุนภักดี ได้เคยก่อ เหตุชิงทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ในพื้นที่อำเภอสัตหีบและใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อผู้เสียหายที่ได้แจ้งความไว้ตามสถานีตำรวจต่าง ๆ มาชี้ตัว เพื่อยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ชิงทรัพย์จริง
วันนี้ (24 พ.ย. 49) พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เผือกวัฒนะ สารวัตรเวร สถานีตำรวจภูธรอำเภอ สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับแจ้งจาก นางพูลทรัพย์ สื่อสุวรรณ อายุ 45 ปี อาจารย์แผนกธุรการ โรงเรียนบำรุงศิษย์ศึกษาสัตหีบ หมู่ที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอ สัตหีบ มีบ้านพักเลขที่ 2234/1537 หมู่ที่ 1 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ว่าขณะที่ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ รุ่นอาร์ซี 80 สีฟ้า หมาย เลขทะเบียน บ-2310 ระยอง ออกมาจากบ้านพัก โดยได้นำกระเป๋าถือใส่ไว้ในตะกร้าหน้ารถ
เมื่อมาถึงซอยบำรุงศิษย์ ได้มีวัยรุ่น 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน ขคค-574 ระยอง สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สีขาวฟ้า สวมเสื้อคลุมสีดำ กางเกงยีนส์ เข้ามาประกบตีคู่ แล้วใช้มือซ้ายหยิบกระเป๋าถือหนีไปในซอยดังกล่าว ซึ่งภายในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 7,460 บาท สร้อยโกเมน 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือโนเกีย 1 เครื่อง บัตรเครดิต บัตรประชาชน และเอกสารสำคัญอีกจำนวนมาก
จากการสอบสวน นางพูลทรัพย์ ทราบว่าหลังจากที่ได้ถูกคนร้ายชิงกระเป๋าไปแล้ว ได้พยายามโทรศัพท์เข้าหมายเลขของตัวเอง จนในที่สุดได้มีคนรับสาย และได้มีการต่อรองนัดหมายให้จะนำเอกสารมาคืน โดยคนร้ายได้มีข้อต่อรองว่า ต้องปล่อยให้ลูกสาวออกไปเที่ยวกับตัวเอง 1 วัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทราบข้อมูล จึงได้ทำการวางแผนให้ นางสาว ศศิประภา สื่อสุวรรณ อายุ 16 ปี บุตรสาวของผู้เสียหาย โทรศัพท์ไปนัดหมายกับคนร้าย เพื่อจะไปเที่ยวด้วย
ทำให้คนร้ายหลงกลลวงของตำรวจมาตามนัดหมาย ที่หน้าหมู่บ้านพบโชค หมู่ที่ 6 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุม ค้นที่ตัว นายอุทัย หนุนภักดี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/4 หมู่ที่ 2 ตำบลสำนักท้อน อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง พบอาวุธปืน ขนาด .32 แม๊กกาซีน พร้อมกระสุน 3 นัด บรรจุอยู่ในรังเพลิง พกอยู่ที่เอว สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินดอลล่า จำนวน 1 ใบ
ขณะเข้าจับกุม นายอุทัย ยังได้อ้างว่า พ่อเป็นหลานชายของ พล.อ.อิสรพงษ์ หนุนภักดี ส่วน ตัวเองมีศักดิ์เป็นหลานชายของนายตำรวจใหญ่ ชื่อ ชัยณรงค์ หนุนภักดี ได้เคยก่อ เหตุชิงทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง ในพื้นที่อำเภอสัตหีบและใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อผู้เสียหายที่ได้แจ้งความไว้ตามสถานีตำรวจต่าง ๆ มาชี้ตัว เพื่อยืนยันว่าเป็นคนร้ายที่ชิงทรัพย์จริง