เลย-ประกันสังคมเตือนสถานประกอบการ หักเงินให้ตรงฐานค่าจ้าง เพื่อประโยชน์แก่ลูกจ้างผู้ประกันตนได้รับสิทธิครบถ้วน
นายราชัน สุนทรศาลทูล สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการบางแห่ง ยังหักเงินสมทบไม่ตรงกับฐานค่าจ้างจริง ส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิไม่ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว จึงขอให้นายจ้างสถานประกอบการนำส่งเงินสมทบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามกฎหมายได้กำหนดให้ รัฐบาล นายจ้าง ลูกจ้าง ต้องนำเงินส่งเสริมสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
สำหรับเงินสมทบส่วนของ นายจ้าง ลูกจ้าง จะคำนวณจากค่าจ้างที่ได้รับจริง ซึ่งการคำนวณเงินสมทบจะคิดจากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท สูงสุด ไม่เกิน 15,000 บาท หากฐานค่าจ้างไม่ถึง 1,650 บาท ให้ส่งเงินสมทบ 83 บาทหากฐานค่าจ้างเกิน 15,000 บาท ให้ส่งเงินสมทบไม่เกิน 750 บาท
โดยนายจ้างจะหักเงินสมทบในส่วนของลูกจ้างทุกครั้ง ที่มีการจ่ายค่าจ้างและส่งเงินทั้งหมดที่ลูกจ้างถูกหักร่วมกัน ส่วนรัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง สำหรับนายจ้างที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกันสังคม โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นายราชัน สุนทรศาลทูล สำนักงานประกันสังคมจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการบางแห่ง ยังหักเงินสมทบไม่ตรงกับฐานค่าจ้างจริง ส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิไม่ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว จึงขอให้นายจ้างสถานประกอบการนำส่งเงินสมทบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามกฎหมายได้กำหนดให้ รัฐบาล นายจ้าง ลูกจ้าง ต้องนำเงินส่งเสริมสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม
สำหรับเงินสมทบส่วนของ นายจ้าง ลูกจ้าง จะคำนวณจากค่าจ้างที่ได้รับจริง ซึ่งการคำนวณเงินสมทบจะคิดจากฐานค่าจ้างเป็นรายเดือนต่ำสุดเดือนละ 1,650 บาท สูงสุด ไม่เกิน 15,000 บาท หากฐานค่าจ้างไม่ถึง 1,650 บาท ให้ส่งเงินสมทบ 83 บาทหากฐานค่าจ้างเกิน 15,000 บาท ให้ส่งเงินสมทบไม่เกิน 750 บาท
โดยนายจ้างจะหักเงินสมทบในส่วนของลูกจ้างทุกครั้ง ที่มีการจ่ายค่าจ้างและส่งเงินทั้งหมดที่ลูกจ้างถูกหักร่วมกัน ส่วนรัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนอีกส่วนหนึ่ง สำหรับนายจ้างที่หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง มีความผิดตามพระราชบัญญัติประกันสังคม โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท