xs
xsm
sm
md
lg

แฝดญี่ปุ่นตามหาพ่อหลังแม่อุ้มหนีนาน 9 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุดรธานี- ทหารอากาศสถานีรายงานเรดาร์ กองบิน 23 จูง 2 ฝาแฝดชายลูกครึ่งญี่ปุ่นขึ้นโรงพัก ขอให้ช่วยติดตามพ่อชาวยุ่นติดต่อรับอุปการะด่วน หลังจาก 10 ปีที่แล้วแม่เด็กนำมาฝากเลี้ยงแต่หายเข้ากลีบเมฆ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 พ.ย.) พ.อ.อ.อำนาจสถิตย์ พันธุ์สุมา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ 4 บ.หนองขาม ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี ทหารสังกัดสถานีรายงานเรดาร์ กองบิน 23 อุดรธานี พา ด.ช.ชุน โอโตมะ และ ด.ช.อุเซคิ โอโตมะ อายุ 10 ปี พี่น้องฝาแฝด เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.อติเมธ พลมุข ร้อยเวร สภ.อ.เมืองอุดรธานี ว่า อยากจะให้ตำรวจช่วยติดตามตัว นายโนบุทาคะ โอโตมะ ปัจจุบันอายุ 36 ปี ชาว จ.ไซตามา ประเทศญี่ปุ่น พ่อของเด็กทั้ง 2 คนให้ด้วย

พ.อ.อ.อำนาจสถิตย์ เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2540 นางย้อย ศรีสา หรือ โอโตมะ ปัจจุบันอายุประมาณ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 หมู่ 4 บ.หนองขาม ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี เพื่อนบ้าน ได้นำลูกชายฝาแฝดทั้ง 2 คน เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น มาฝากตนกับภรรยาเลี้ยงดูเอาไว้ประมาณ 3 เดือน จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นไป โดยช่วง 1-2 ปีแรกก็ติดต่อส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ใช้ แต่มาระยะหลังหลายปีมานี้ก็ไม่เคยติดต่อกลับมาพวกครอบครัวของตนเองเลย

โดยตนทราบว่า ก่อนหน้านี้ สามีของนางย้อย ชื่อ นายโนบุทาคะ เป็นวิศวกรชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวที่ จ.อุดรธานี แล้วพบรักกับนางย้อย จากนั้นพากันเดินทางแต่งงานอยู่กินที่ประเทศญี่ปุ่น อีก 2 ปีต่อมานางย้อย ก็หอบลูกชายฝาแฝดกลับมาที่บ้าน แล้วนำมาฝากกับครอบครัวตนเองเอาไว้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่า นางย้อย คงจะมีปากเสียงกับสามีจึงหอบลูกหนีกลับมาบ้าน

พ.อ.อ.อำนาจสถิตย์ เล่าอีกว่า หลังจาก นางย้อย ไม่ติดต่อกลับมา ตนและภรรยาก็ส่งเสียเลี้ยงดูเด็กฝาแฝดทั้ง 2 คนเหมือนลูกในไส้ ทั้งที่ครอบครัวของตนมีลูกอยู่แล้ว 3 คน แต่ด้วยความสงสารประกอบกับนางย้อย ก็ไม่ญาติที่ไหนอีก แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กเข้าโรงเรียน ค่าใช้จ่ายทั้ง 2 คนก็สูง ทุกวันนี้เรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านหนองขาม ตนก็ได้ฝากอาจารย์ขอให้เข้าเรียนด้วย เนื่องจากไม่มีกำลังจ่ายค่าเทอม

ประกอบกับเด็กทั้ง 2 คนเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น มีใบรับรองการเกิดอยู่ที่โรงพยาบาลไซตามาเคนไซเซไคคาวาจุกิโวโก ทำให้การเข้าเรียนหรือทำเอกสารต่างๆ มีปัญหา ซึ่งตนเคยติดต่อไปยังสถานทูตประเทศญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนให้ช่วยติดต่อนายโนบุทาคะ พ่อของเด็กให้ว่าลูกชายฝาแฝดของนายโนบุทาคะ ยังมีชีวิตอยู่ โดยพักอาศัยอยู่กับครอบครัวตนเอง เพราะตนคิดว่า นายโนบุทาคะ คงไม่ทราบว่าภรรยาพาลูกหนีมาอยู่ที่นี่ ซึ่งทางสถานทูตก็พยายามติดต่อให้ แต่ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น

ตนก็จนปัญญาจะติดตามหาพ่อของเด็กได้ จึงมาแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐาน เผื่อมีอะไรขึ้นมาจะได้แก้ไขได้ ซึ่งก็อยากจะขอความช่วยเหลือจากองค์กรเอกชน หรือมูลนิธิอะไรก็ได้ที่สามารถช่วยติดตามหาพ่อของเด็กได้ เพราะเด็กเองเคยเห็นแต่รูปพ่อกับแม่แต่ไม่เคยพบเห็นตัวจริงเลย

กำลังโหลดความคิดเห็น