อุบลราชธานี - โครงการบ้านเอื้ออาทรเมืองดอกบัวเหลว ประชาชนสนใจน้อยกว่าจำนวนบ้านที่วางแผนพัฒนาต้องตัดทิ้ง 1 โครงการ ขณะที่อีก 4 โครงการเฉลี่ยแล้วมีคนทำจองไม่ถึง 50% เหตุบ้านคุณภาพต่ำ ขนาดเล็กเกินไม่สมราคาขาย
นายธีรพงษ์ ธรรมพันธ์ หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนอุบลราชธานี เปิดเผยถึงโครงการบ้านเอื้ออาทรของ จ.อุบลราชธานีว่า ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 โดยมีทั้งสิ้น 5 โครงการ แต่เมื่อสำรวจความต้องการของประชาชน มีผู้จองบ้านน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ต่อมาจึงได้ยกเลิกโครงการที่ 5 ไป สำหรับอีก 4 โครงการ ขณะนี้มีบางโครงการได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว
โดยโครงการที่เสร็จสมบูรณ์แล้วคือโครงการที่ 1 จำนวน 490 หน่วย ตั้งอยู่บ้านห้วยคุ้ม อ.เมืองอุบลราชธานี เปิดให้ประชาชนผู้ซื้อบ้านเข้าอยู่อาศัยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้จองเข้าอยู่จริงจำนวน 70 ราย ที่เหลือยังทำสัญญาไม่เรียบร้อย และทั้งโครงการยังมีบ้านเหลืออีกกว่า 100 หลัง
ส่วนโครงการที่ 2 เป็นบ้านแฝดจำนวน 334 หน่วย ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยราชธานี ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี มีผู้จองเต็มทั้งโครงการ เพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง จึงได้รับความสนใจมากกว่าทำเลอื่น สำหรับโครงการที่ 3 จำนวน 434 หน่วย ตั้งอยู่ที่ อ.วารินชำราบ มีประชาชนสนใจจองครึ่งหนึ่งของโครงการ และโครงการที่ 4 จำนวน 1,110 หน่วย ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยคุ้มเช่นเดียวกับโครงการแรก มีผู้จองไปแล้วกว่า 60 % และยังมีเหลืออยู่ 445 หน่วย
โดยโครงการทั้งหมดแม้มีผู้จองไม่เต็ม แต่ตามนโยบายระยะยาว 5 ปีของการเคหะแห่งชาติ ต้องการมีบ้านไว้รองรับปริมาณความต้องการของประชาชนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้มีที่อยู่อาศัยต่อไป
นายธีรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับบ้านที่ไม่มีคนทำสัญญาเช่าซื้อนั้น เกิดจากประชาชนจองแล้วไม่พอใจ ระบุว่าขนาดของบ้านเล็กไปบ้าง แพงไปบ้าง ก็ได้แจ้งยกเลิกไม่เอา ส่วนปัญหาอื่นก็มีเช่นกัน คือมีหนี้เก่าอยู่มากแล้ว บางรายก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด หรือยื่นเรื่องขอกู้แต่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ โดยโครงการบ้านเอื้ออาทรทั้ง 4 โครงการจะสร้างแล้วเสร็จ สามารถเข้าอยู่ได้ทั้งหมดก่อนสิ้นปี 2550
ด้าน น.ส.อุทัยรัตน์ สกุลพงษ์ อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้างเปิดเผยว่า ได้จองบ้านเอื้ออาทรโครงการ 2 เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด แต่เมื่อเข้าดูสภาพบ้านตัวจริงกลับพบว่าตัวบ้านมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับราคาแล้วแพงเกินไป จึงตัดสินใจไม่ทำสัญญาซื้อบ้านกับการเคหะแห่งชาติ เพราะอนาคตราคาค่าผ่อนชำระอาจมากกว่าเดือนละ 1,500 บาท เมื่อเทียบกับรายได้ประจำอาจไม่พอชำระหนี้ จึงตัดสินใจยกเลิก
ส่วน พ.ต.ท.วาที สายทอง อายุ 60 ปี อดีตนายตำรวจนอกราชการที่เข้าอยู่บ้านเอื้ออาทรโครงการที่ 1 กล่าวว่า จองซื้อบ้านตั้งแต่เริ่มโครงการ แต่จับฉลากไม่ได้ ต่อมาการเคหะแห่งชาติมีหนังสือแจ้งสิทธิเข้ามาอยู่ได้ ปัจจุบันต้องผ่อนชำระเดือนละ 1,800 บาท เพราะดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่บ้านก็เหมาะสมกับราคาไม่เล็กเกินไป วันแรกที่เข้าอยู่ก็ถูกหวยที่ตรงกับเลขที่บ้านคือ 466/25 จึงเป็นฤกษ์ดีมาก
นายธีรพงษ์ ธรรมพันธ์ หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนอุบลราชธานี เปิดเผยถึงโครงการบ้านเอื้ออาทรของ จ.อุบลราชธานีว่า ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2547 โดยมีทั้งสิ้น 5 โครงการ แต่เมื่อสำรวจความต้องการของประชาชน มีผู้จองบ้านน้อยกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ต่อมาจึงได้ยกเลิกโครงการที่ 5 ไป สำหรับอีก 4 โครงการ ขณะนี้มีบางโครงการได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว
โดยโครงการที่เสร็จสมบูรณ์แล้วคือโครงการที่ 1 จำนวน 490 หน่วย ตั้งอยู่บ้านห้วยคุ้ม อ.เมืองอุบลราชธานี เปิดให้ประชาชนผู้ซื้อบ้านเข้าอยู่อาศัยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้จองเข้าอยู่จริงจำนวน 70 ราย ที่เหลือยังทำสัญญาไม่เรียบร้อย และทั้งโครงการยังมีบ้านเหลืออีกกว่า 100 หลัง
ส่วนโครงการที่ 2 เป็นบ้านแฝดจำนวน 334 หน่วย ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยราชธานี ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี มีผู้จองเต็มทั้งโครงการ เพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง จึงได้รับความสนใจมากกว่าทำเลอื่น สำหรับโครงการที่ 3 จำนวน 434 หน่วย ตั้งอยู่ที่ อ.วารินชำราบ มีประชาชนสนใจจองครึ่งหนึ่งของโครงการ และโครงการที่ 4 จำนวน 1,110 หน่วย ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยคุ้มเช่นเดียวกับโครงการแรก มีผู้จองไปแล้วกว่า 60 % และยังมีเหลืออยู่ 445 หน่วย
โดยโครงการทั้งหมดแม้มีผู้จองไม่เต็ม แต่ตามนโยบายระยะยาว 5 ปีของการเคหะแห่งชาติ ต้องการมีบ้านไว้รองรับปริมาณความต้องการของประชาชนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองให้มีที่อยู่อาศัยต่อไป
นายธีรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับบ้านที่ไม่มีคนทำสัญญาเช่าซื้อนั้น เกิดจากประชาชนจองแล้วไม่พอใจ ระบุว่าขนาดของบ้านเล็กไปบ้าง แพงไปบ้าง ก็ได้แจ้งยกเลิกไม่เอา ส่วนปัญหาอื่นก็มีเช่นกัน คือมีหนี้เก่าอยู่มากแล้ว บางรายก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด หรือยื่นเรื่องขอกู้แต่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ โดยโครงการบ้านเอื้ออาทรทั้ง 4 โครงการจะสร้างแล้วเสร็จ สามารถเข้าอยู่ได้ทั้งหมดก่อนสิ้นปี 2550
ด้าน น.ส.อุทัยรัตน์ สกุลพงษ์ อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้างเปิดเผยว่า ได้จองบ้านเอื้ออาทรโครงการ 2 เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด แต่เมื่อเข้าดูสภาพบ้านตัวจริงกลับพบว่าตัวบ้านมีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับราคาแล้วแพงเกินไป จึงตัดสินใจไม่ทำสัญญาซื้อบ้านกับการเคหะแห่งชาติ เพราะอนาคตราคาค่าผ่อนชำระอาจมากกว่าเดือนละ 1,500 บาท เมื่อเทียบกับรายได้ประจำอาจไม่พอชำระหนี้ จึงตัดสินใจยกเลิก
ส่วน พ.ต.ท.วาที สายทอง อายุ 60 ปี อดีตนายตำรวจนอกราชการที่เข้าอยู่บ้านเอื้ออาทรโครงการที่ 1 กล่าวว่า จองซื้อบ้านตั้งแต่เริ่มโครงการ แต่จับฉลากไม่ได้ ต่อมาการเคหะแห่งชาติมีหนังสือแจ้งสิทธิเข้ามาอยู่ได้ ปัจจุบันต้องผ่อนชำระเดือนละ 1,800 บาท เพราะดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่บ้านก็เหมาะสมกับราคาไม่เล็กเกินไป วันแรกที่เข้าอยู่ก็ถูกหวยที่ตรงกับเลขที่บ้านคือ 466/25 จึงเป็นฤกษ์ดีมาก