xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯสุรินทร์อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพ “หลวงปู่ธรรมรังษี” เกจิชื่อดังอีสานใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ผู้ว่าฯสุรินทร์ อันเชิญน้ำหลวงอาบศพพระมงคลรังษี หรือ “หลวงปู่ธรรมรังษี” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีสานใต้ แห่งวัดพระพุทธบาทพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางประชาชนและลูกศิษย์เข้าร่วมพิธีจำนวนมาก เผยหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีและปฏิบัติชอบ เดินทางจากบ้านเกิดกัมพูชามาตั้งวัดและจำพรรษาที่อำเภอท่าตูม สร้างความเลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ จนกระทั่งละสังขารลงอย่างสงบ

ช่วงเย็นวันนี้ (11 ต.ค.) ที่วัดพระพุทธบาทพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานอันเชิญและประกอบพิธีน้ำหลวงอาบศพ พระมงคลรังษี หรือ “หลวงปู่ธรรมรังษี” ที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยมีพระสงฆ์ สามเณรและแม่ชี อุบาสกอุบาสิกา พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ธรรมรังษี เช่น อดีต ส.ว.,อดีต ส.ส.สุรินทร์ และนายทหารกองกำลังสุรนารี ร่วมประกอบพิธีกว่า 500 คน

ทั้งนี้ หลวงปู่ธรรมรังษี มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 22.48 น.วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมสิริอายุได้ 87 ปี โดยคณะศิษยานุศิษย์ยังได้นำสังขารของหลวงปู่บรรจุไว้ในโลงแก้ว เพื่อบำเพ็ญกุศลไปเป็นเวลาจำนวน 10 วัน จากนั้นจะประกอบพิธีบรรจุศพในโลงแก้วอย่างยิ่งใหญ่ และเก็บไว้ที่วัดพระพุทธบาทพนมดิน เพื่อให้ญาติโยมได้สักการะต่อไป

พระมงคลรังษีหรือ หลวงปู่ธรรมรังษี นับเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสานตอนล่าง ที่มีศิษยานุศิษย์จำนวนมากทั้งในจังหวัดสุรินทร์และต่างจังหวัดทั่วประเทศ หลวงปู่มีชื่อเดิมว่า สุวัฒน์ เซ็ง เป็นชาวกัมพูชา เกิดเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2462 ที่บ้านเกีย จ.พระตระบอง ประเทศกัมพูชา บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 14 ปี

จากนั้นได้อุปสมบทต่อเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2481 ต่อมาได้เกิดสงครามภายในประเทศกัมพูชาขึ้นในช่วงที่เขมรแดงเรืองอำนาจ พร้อมทั้งได้ทำการเผาวัดวาอารามในประเทศกัมพูชา หลวงปู่ธรรมรังษีจึงได้ออกธุดงค์มาทางด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ปอยเปต ตรงข้ามกับ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเข้ามาขอพึ่งพระบารีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยเข้าปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดราชสิงขรกรุงเทพมหานคร

เมื่อ ปี พ.ศ.2526 หลวงปู่ได้ออกธุดงค์มาที่วัดพระพุทธบาทพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ และสร้างวัดให้มีความเจริญตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมทั้งได้ตั้งเป็นสำนักวิปัสสนากัมฐาน สั่งสอนญาติโยมและพระสงฆ์ให้เข้าใจถึงหลักธรรมของความสว่าง สะอาดและสงบ

ตั้งแต่ ก.ค.2549 เป็นต้นมา หลวงปู่ได้อาพาธด้วยโรคชรามาโดยตลอด จนกระทั่งลูกศิษย์ได้พาเข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ กรุงเทพมหานคร และหลวงปู่ได้ละสังขารไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 22.48 น.วันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมสิริอายุ 87 ปี 6 เดือน 3 วัน



กำลังโหลดความคิดเห็น