พิจิตร - ปลุกผีนิคมฯ พิจิตร หลังตกอยู่ในสภาพเกือบร้างมานาน 13 ปีเต็มๆ ล่าสุด ดึง มน.ตั้ง Science Park / สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯหนุนงานวิจัย และให้สภาฯอุต รับหน้าที่ดึงนักลงทุนต่างถิ่น เข้าใช้ประโยชน์จากพื้นที่ หวังฟื้นชีพบรรยากาศการลงทุนในนิคมฯภาคเหนือตอนล่าง ที่ผ่านการเพียรพยายามจัดแคมเปญ กระตุ้นมาหลายรอบแต่ไร้ผล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตร ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีความพยายามที่จะฟื้นฟูบรรยากาศการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร ที่แทบจะกล่าวได้ว่า เป็นนิคมฯที่ร้างมานานกว่า 13 ปีเต็มๆ ขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2537 จัดเตรียมพื้นที่แล้วเสร็จปี 2540 ด้วยงบประมาณในการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท แต่มีผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนเพียง 3 บริษัท
ทั้งนี้ ล่าสุด ได้มีการดึงองค์กรต่างๆ เข้ามาร่วมพัฒนา-ฟื้นฟูนิคมฯแห่งนี้อีกครั้ง คือ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก (มน.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ตกลงทำบันทึกความร่วมมือ การใช้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดพิจิตร และจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง
ทั้งนี้ แต่ละฝ่ายรับที่จะดำเนินการ ดังนี้ 1.มหาวิทยาลัยนเรศวร จะจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ ( Science Park) ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิจิตร ใช้ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2550-2554) ประกอบด้วย ศูนย์ประสานงานผู้ประกอบการโรงงานต้นแบบ (Pilot Plant) ศูนย์พลังงานทดแทน ศูนย์พัฒนาเกษตรครบวงจรและโครงการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ พร้อมทั้งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งได้จากการวิจัยมาพัฒนาใช้ประโยชน์ เพื่อการค้าและการประกอบการอุตสาหกรรม โดยเฉพาะทางด้านเครื่องสำอางจากข้าวและสมุนไพร ผลิตภัณฑ์การเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์รวมถึงพลังงานทดแทน โดยการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีและบ่มเพาะวิสาหกิจให้แก่ผู้ประกอบการ
2.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะสนับสนุนพื้นที่ 137 ไร่ ในการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งให้บริการระบบสาธารณูปโภค รวมถึงให้การบริการในด้านการอนุมัติ อนุญาตและสิทธิประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service) แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
3.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โดยเสนอผลการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปใช้ประโยชน์ในการต่อยอด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นในภาคเหนือตอนล่าง พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเครื่องจักรอุปกรณ์ต้นแบบตามความเหมาะสม
4.สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตรส่งเสริมและสนับสนุน ในอันที่ก่อให้เกิดผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหม่ โดยการเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาใช้พื้นที่ ในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่างจังหวัดพิจิตร เพื่อประกอบกิจการอุตสาหกรรมโดยใช้นวัตกรรม หรือเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ และภูมิปัญญาท้องถิ่น อันเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา คนในแวดวงนักธุรกิจ - นักลงทุนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ส่วนใหญ่สรุปปัญหาที่ไม่มีนักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมฯพิจิตร ไว้ว่า เป็นเพราะประการแรก ที่ดินเป็นที่เช่า เนื่องจากเป็นที่ราชพัสดุ กฎหมายไม่เอื้ออำนวย แม้กระทั่งโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนก็ไม่สะดวกนัก
ประการที่สอง ขาดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยไม่ทราบว่าจะใช้งบฯส่วนกลางของ กนอ.หรือจังหวัดพิจิตร แม้ว่ามีการบริหารแบบซีอีโอ จังหวัดพิจิตร ก็ไม่ได้ทุ่มงบประมาณแบบบูรณาการ ลงไปยังนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้
ประการสุดท้าย ขาดองค์ประกอบ ช่วยกระตุ้นการลงทุนภายในนิคมฯโดยเฉพาะประเด็นเรื่อง ค่าเช่าที่ดิน ซึ่งแม้ว่าจะมีนักลงทุนต่างขอข้อมูลและเยี่ยมชมนิคมฯ อย่างต่อเนื่องก็ตาม ทั้งบริษัทในเครือซีพี บริษัทญี่ปุ่น แต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากติดปัญหาค่าเช่า ที่คิดอัตราค่าเช่า 41,500 บาทต่อไร่ต่อปี ไม่รวมค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคอื่นๆ
ทำให้หลายปีที่ผ่านมา มีเพียงบริษัท อินเว ลงทุนเพียงรายเดียวจนถึงปัจจุบัน (ไม่นับปั๊มน้ำมันปตท.อีก 1 แห่ง) ส่วนอีกหลายโรงงานเข้าๆ ออกๆ กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีบริษัท อินโนเวทีฟ ได้มาลงทุนภายในนิคมฯ ประกอบธุรกิจ “รีบิวต์” เครื่องจักรจากต่างประเทศ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ในขณะที่ ที่ผ่านมา นิคมฯพิจิตรเคยใช้โปรโมชัน ให้ผู้ประกอบการอยู่ฟรี เริ่มแรกที่ 1 ปี ก่อนที่จะขยับเป็น 3 ปี ทำให้มีบางบริษัทเข้ามาอยู่ แต่เมื่อหมดอายุแคมเปญ ก็ได้ย้ายออกไป ปลายปี 2547 ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้พยายามจัดโรดโชว์อีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล ขณะที่โปรโมชันอื่นๆ ยังไม่มี ทุกอย่างเหมือนเดิมและต้องเสียค่าเช่าตามอัตราที่กำหนด แต่หากบริษัทเอกชนรายใด ประสงค์เข้าอยู่เพื่อประกอบธุรกิจการผลิตขนาดใหญ่ ก็นำเสนอต่อบอร์ดกนอ.เพื่อให้สิทธิพิเศษเป็นรายกรณีก็ได้
สำหรับนิคมฯพิจิตร ตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 สมัย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็น รมว.อุตสาหกรรม มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 2,089 ไร่ แบ่งเป็นโซนทั่วไปและโซนส่งออก เริ่มแรกมีการลงทุนของเอกชน คือ บริษัท อินเว (ประเทศไทย) จำกัด และการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเช่าที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์
นิคมฯแห่งนี้ ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2540 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้นิคมฯพิจิตรตกอยู่ในสภาพ 1 โรงงาน กับอีก 1 ปั๊ม หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่า กนอ.จะใช้กลยุทธ์เชิญชวนนักลงทุนรายใหม่อยู่ฟรี 1 ปี และเพิ่มเป็นอยู่ฟรี 3 ปี อัตราค่าเช่า 41,500 บาทต่อไร่ต่อปี ดึงดูดนักลงทุนอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก็มีเพียงบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนระดับร้อยล้านเพียงรายเดียวเท่านั้น