xs
xsm
sm
md
lg

เวทนา ! เด็ก 2 ขวบโคราชเป็นโรค“ดักแด้”-วอนขอความช่วยเหลือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เด็กวัย 2 ขวบชาวโคราช ป่วยเป็นโรคประหลาดแผลพุพองเต็มตัวคล้าย “ดักแด้” ต้องทนทุกข์ทรมาน ผิวแห้งปวดแสบ เลือดไหลซิบตลอดเวลา พ่อแม่พาตระเวนรักษาแทบหมดตัว แพทย์ระบุเป็นโรคทางพันธุกรรมไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพียงแค่รักษาตามอาการเท่านั้น วอนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ใจบุญรวมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญช่วยเหลือ

วานนี้ (3 ก.ย.49) นายรชต วิลัย อายุ 28 ปี พร้อมด้วยภรรยา คือ นางพิมพ์พร ไผนอก อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.9 บ.สองห้อง ต.ตลาดไทร อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และบุตรชายวัย 2 ขวบ คือ ด.ช.ฐิติกร วิลัย หรือ “น้องโด่ง” พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้เดินทางเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเพื่อขอความช่วยเหลือเนื่องจาก “น้องโด่ง” ลูกชาย ป่วยเป็นโรคดักแด้ หรือโรค อิปิเดอร์ม โบโลสิส บูลูซาร์ (EB) ได้รับความทรมานอย่างมาก โดยมีลักษณะผิวหนังลอก คล้ายดักแด้ เป็นแผลพุพองตามร่างกาย มีเลือดไหลตลอดเวลา ต้องใช้ครีมทาและผ้าพันแผลตามร่างกายไว้ตลอด

นายรชต พ่อของ “น้องโด่ง” เล่าว่า ตนและภรรยา มีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ ด.ช.ฐิติกร วิลัย หรือ “น้องโด่ง” อายุ 2 ขวบ ซึ่งมีอาการป่วยเป็นโรคดักแด้ หรือ EB เป็นแผลผุพองตามร่างกาย ทั้งหู ปาก จมูก แขน ขา นิ้วมือ และนิ้วเท้า ตนและภรรยาต้องออกไปหางานทำที่กรุงเทพฯ เพื่อจะได้มีรายได้มาเลี้ยงลูก จึงได้ฝากลูกไว้กับยาย คือ นางสี วิลัย อายุ 65 ปี ให้ดูแล

“ผมรู้สึกสงสารลูกมาก เขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด ตอนคลอดออกมา ขาด้านขวาของ น้องโด่ง มีรอยช้ำ และรอยถลอกสีแดงเล็ก ๆ และมีเลือดไหลออกตลอดเวลา จากนั้น 7 วันแพทย์ได้ส่งตัวไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยได้ทำแผลและให้ยา พร้อมทั้งฉีดยา แต่น้องโด่งก็อาการไม่ดีขึ้น แผลกลับลุกลามใหญ่มากขึ้น” นายรชต กล่าว

จากนั้น แพทย์โรงพยาบาลบุรีรัมย์จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ แพทย์ได้นำชิ้นเนื้อไปตรวจ แล้วบอกว่า เป็นโรคทางพันธุกรรม คือโรค อิปิเดอร์ม โบโลสิส บูลูซาร์ หรือ EB รักษาไม่หาย ต้องรักษาตามอาการไปเรื่อยๆ

หลังจากรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯได้ครึ่งเดือนแล้ว ตนก็พาลูกกลับมาบ้านที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และพาไปรักษาตามโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แพทย์ก็ยืนยันว่ารักษาไม่หาย ตอนนี้ไม่รู้จะพาลูกไปรักษาได้ที่ไหน ทำได้ตอนนี้แค่ทาครีมและเอาผ้าพันแผลให้ลูกเท่านั้น

นายรชต เล่าต่อว่า เวลาจะอาบน้ำให้ “น้องโด่ง” ต้องลอกผ้าพันแผลออก หนังที่เป็นแผลจะติดผ้าพันแผลออกมาด้วย ต้องคอยเอาน้ำอุ่น ๆ ลูบไว้ เลือดก็ไหลออกมาตลอด บางจุดที่เป็นแผลใหญ่ๆ ต้องค่อยทำเบาๆ น้องโด่งจะร้องไห้ตลอดเนื่องจากการเจ็บปวดและทรมานเมื่อถูกแกะผ้าพันแผลออก น้ำที่ใช้อาบต้องผสมกับสบู่ฆ่าเชื้อ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วต้องอาบน้ำผสมน้ำเกลือด้วยตามที่แพทย์สั่ง เวลาเดินจะเดินไม่ค่อยถนัดหรือเดินช้าๆ หยิบจับอะไรก็ช้า เพราะเจ็บแผลไม่มีโอกาสได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป

“เวลาที่ลูกร้องไห้ผมเป็นพ่ออดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวด้วยความสงสารลูก ไม่รู้เวรกรรมอะไรมาตกที่ลูก เวลาพาไปหาหมอ หมอก็ได้แต่มองบางคนไม่กล้าจับทำแผลเพราะรังเกียจ เวลาพาไปไหนมาไหนทุกคนก็จะรังเกียจลูก จึงขอวอนให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องหรือ ผู้ที่มีความรู้ด้านโรคผิวหนังที่สามารถรักษาหรือแนะนำวิธีรักษาลูกชายให้หายได้กรุณาช่วยบอกด้วย” นายรชต กล่าวทั้งน้ำตา

นางพิมพ์พร แม่ของ “น้องโด่ง” เล่าให้ฟังว่า ตนไปทำคลอดน้องโด่งที่โรงพยาบาลลำปลายมาส อ.ลำปลายมาส จ.บุรีรัมย์ โดยการผ่าออก แพทย์บอกว่าน้องโด่งมีผิวหนังที่ผิดปกติจากบุคคลทั่วไป โดยเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากพันธุกรรมหรือยีนที่ผิดปกติ จึงทำให้เกิดเป็นแผลผุผ่องขึ้นตามร่างกาย และตนไม่สามารถมีลูกได้อีก เพราะมีโอกาสเป็นโรคแบบน้องโด่งได้ถึง 25% ตนจึงไม่คิดที่จะมีลูกคนที่ 2 อีก และรู้สึกสงสารลูกมากเมื่อเห็นลูกทรมาน แต่ไม่รู้จะช่วยลูกได้อย่างไร

ด้านนางสี วิลัย ยายและผู้เลี้ยงดูน้องโด่ง เล่าว่า น้องโด่ง เป็นเด็กที่น่ารักเชื่อฟัง กินอาหารได้ตามปกติ และชอบเล่นสนุกเหมือนเด็กทั่วไป แต่ต้องคอยระวังไม่ให้ล้มเพราะทำให้มีแผลและแผลรักษาไม่หายหรือหายช้ามาก ตลอดเวลา 2 ปี น้องโด่งทุกข์ทรมานอย่างมาก โดยเฉพาะช่วยอากาศร้อนจะปวดแสบ ปวดร้อนตามร่างกาย รู้สึกสงสารหลานแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เงินทองที่พาไปรักษา ค่ารถค่าน้ำมันก็หมดไปมากแล้ว

สำหรับประชาชนหรือผู้ใจบุญที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 07-021-9307, 02-958-6203 หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคาร กรุงเทพ สาขาย่อยฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชื่อบัญชี น.ส.พิมพ์พร ไผนอก หมายเลขบัญชี 026-0-00590-5

ทางด้าน นพ. ศุภเศรษฐ์ น้อยสี สาธารณสุขอำเภอชุมพวง จ.นครราชสีมา ที่ให้การรักษา “น้องโด่ง” เปิดเผยว่า การรักษานั้นทำให้แค่รักษาตามอาการ เนื่องจาก ผู้ป่วยเคยรักษามาแล้วหลายแห่ง และโรคดักแด้เป็นภาวะที่ร่างกายขาดธาตุสังกะสี รักษาไม่หาย พัฒนาการของเด็กก็จะช้า เพราะทำอะไรได้ลำบาก ทั้งการกิน การนอน นอกจากนี้คนไข้ยังมีอาการแพ้แสง ตาแดง แพ้อากาศร้อน ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น