แพร่ - ผอ.ศูนย์ภาคเหนือฝ่ายกิจการเดินรถ บุกดูที่เกิดเหตุหัวรถจักรดิ่งน้ำยม เร่งกู้ศพพนักงานขับรถ-ช่างเครื่องอันดับแรก ส่วนหัวรถจักรต้องรอรถช่วยเหลือ ยันไม่ใช่ความประมาท แต่เป็นอุบัติเหตุจากธรรมชาติวิบัติ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 12 พร้อมช่วยการรถไฟกู้หัวรถจักร คาดเปิดเดินรถไฟสายเหนือได้ตามปกติ 1 ทุ่มวันนี้ แม้การนำเครน-เครื่องจักร เข้าจุดเกิดเหตุยังมีปัญหาก็ตาม
กรณีอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่หลัก กม.ที่ สทร.545/9/10 ระหว่างสถานีรถไฟแก่งหลวง–เด่นชัย ย่านหมู่ 5 บ้านแก่งหลวง ต.แม่ปาน อ.ลอง จ.แพร่ เมื่อเวลา 20.10 น.ของวันที่ 31 ส.ค.2549 ที่ผ่านมา ขณะที่มีฝนตกหนัก รถไฟขบวนที่ 52 เดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครด้วยความเร็ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะถึงจุดเกิดเหตุด้านซ้ายมือของตัวรถเป็นแม่น้ำยม ซึ่งเส้นทางรถไฟเรียบไปตามแม่น้ำยม ด้านขวามือเป็นภูเขาที่มีความลาดชัน เป็นหน้าผาหิน
ในขณะที่รถไฟกำลังแล่นผ่านหน้าผาที่ชุ่มน้ำ ได้เกิดหินถล่มลงมาอย่างรุนแรง ก้อนหินขนาดใหญ่ไหลเข้าชนขบวนรถไฟ บริเวณโบกี้ที่ 3 นับจากหัวรถจักร แรงกระแทกทำให้ขบวนเหวี่ยงหัวรถจักรขาดหลุดลงไปในแม่น้ำยม ที่กำลังมีน้ำหลากระดับน้ำเพิ่มสูงกว่า 5 เมตร ทำให้หัวรถจักรจมน้ำไปในพริบตา ภายในหัวรถจักร มี พขร.หรือพนักงานขับรถจำนวน 1 คน คือ นายสาธิต เอี่ยมเสือ และ นายอนุชา อนุรักษ์ ตำแหน่งช่างเครื่อง อีก 1 คน รวมเป็น 2 คน ขณะนี้เชื่อว่าทั้งสองเสียชีวิตแล้วภายในหัวรถจักรที่จมน้ำไปนั้น
หลังเกิดเหตุ นายอานนท์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถ ศูนย์ภาคเหนือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่ออำนวยการการกู้ซากหัวรถจักรที่จมอยู่ในแม่น้ำยม ขณะเดียวกัน พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ ก็ได้เดินทางเข้าดูที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อมูลรายงานให้ พลโทสพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 โดยทางฝ่ายทหารยินดีที่จะให้การช่วยเหลือด้วยการส่งมนุษย์กบเข้ามาให้การช่วยเหลือในวันนี้ (1 ก.ย.)
นายอานนท์ โกศัยเสวี ผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถศูนย์ภาคเหนือ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยธรรมชาติที่มีฝนตกหนักและเกิดดินถล่ม เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่พนักงานขับรถไม่สามารถเบรก หรือบังคับให้รถหยุดได้ทัน ซึ่งความเร็วของรถไฟดังกล่าวอยู่ที่ 45 กม./ชั่วโมง เมื่อจะเบรกต้องใช้ระยะทางถึง 700 เมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสูญเสียของการรถไฟฯที่ยังประเมินไม่ได้ ต้องรอให้พนักงานจากส่วนกลางเดินทางมาตรวจสอบ
ส่วนการกู้หัวรถจักรในวันนี้ (1 ก.ย.) จะต้องใช้เครนขนาดใหญ่ เพื่อยกหัวรถจักรที่มีน้ำหนักถึง 100 ตันขึ้นจากแม่น้ำยม อย่างไรก็ตาม ควรมองไปที่ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายจะต้องการหาทางนำขึ้นมาจากน้ำก่อน
ทั้งนี้ การกู้ซากหัวรถจักรที่จะต้องใช้รถช่วยเหลือที่ประจำอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ อาจต้องประสบปัญหาไม่สามารถเดินทางจาก สถานีศิลาอาสร์มาจุดเกิดเหตุได้ เนื่องจากบริเวณอุโมงค์ลอดใต้ภูเขามีหินตกทับเส้นทางบริเวณ ต.ด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นอกจากนั้น ยังมีน้ำท่วมในบริเวณบ้านห้วยไร่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่
โดยจะเป็นอุปสรรคในการนำรถช่วยเหลือเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ในเวลา 08.00 น.วันนี้ การรถไฟฯจะประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนทำงานกู้ซากหัวรถจักรต่อไป โดยจะต้องปิดการเดินรถจนกว่าภารกิจจะจบลง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเปิดให้รถไฟสายเหนือเดินได้ในเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันนี้
รถไฟสายดังกล่าวถึงแม้จะเป็นขบวนรถเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ ก็ตาม แต่เริ่มขบวนที่สถานีรถไฟจังหวัดลำปาง เนื่องจากมีน้ำท่วม ทับเส้นทางในลำพูน ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักทั่วภาคเหนือ โดยมีผู้โดยสารจำนวน 300 คนเดินทางมาด้วย ในจำนวนนี้บาดเจ็บเพียง 4 คนเท่านั้น
กรณีอุบัติเหตุรถไฟตกรางที่หลัก กม.ที่ สทร.545/9/10 ระหว่างสถานีรถไฟแก่งหลวง–เด่นชัย ย่านหมู่ 5 บ้านแก่งหลวง ต.แม่ปาน อ.ลอง จ.แพร่ เมื่อเวลา 20.10 น.ของวันที่ 31 ส.ค.2549 ที่ผ่านมา ขณะที่มีฝนตกหนัก รถไฟขบวนที่ 52 เดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานครด้วยความเร็ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะถึงจุดเกิดเหตุด้านซ้ายมือของตัวรถเป็นแม่น้ำยม ซึ่งเส้นทางรถไฟเรียบไปตามแม่น้ำยม ด้านขวามือเป็นภูเขาที่มีความลาดชัน เป็นหน้าผาหิน
ในขณะที่รถไฟกำลังแล่นผ่านหน้าผาที่ชุ่มน้ำ ได้เกิดหินถล่มลงมาอย่างรุนแรง ก้อนหินขนาดใหญ่ไหลเข้าชนขบวนรถไฟ บริเวณโบกี้ที่ 3 นับจากหัวรถจักร แรงกระแทกทำให้ขบวนเหวี่ยงหัวรถจักรขาดหลุดลงไปในแม่น้ำยม ที่กำลังมีน้ำหลากระดับน้ำเพิ่มสูงกว่า 5 เมตร ทำให้หัวรถจักรจมน้ำไปในพริบตา ภายในหัวรถจักร มี พขร.หรือพนักงานขับรถจำนวน 1 คน คือ นายสาธิต เอี่ยมเสือ และ นายอนุชา อนุรักษ์ ตำแหน่งช่างเครื่อง อีก 1 คน รวมเป็น 2 คน ขณะนี้เชื่อว่าทั้งสองเสียชีวิตแล้วภายในหัวรถจักรที่จมน้ำไปนั้น
หลังเกิดเหตุ นายอานนท์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถ ศูนย์ภาคเหนือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุเพื่ออำนวยการการกู้ซากหัวรถจักรที่จมอยู่ในแม่น้ำยม ขณะเดียวกัน พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 12 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ ก็ได้เดินทางเข้าดูที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อมูลรายงานให้ พลโทสพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 โดยทางฝ่ายทหารยินดีที่จะให้การช่วยเหลือด้วยการส่งมนุษย์กบเข้ามาให้การช่วยเหลือในวันนี้ (1 ก.ย.)
นายอานนท์ โกศัยเสวี ผู้อำนวยการฝ่ายเดินรถศูนย์ภาคเหนือ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยธรรมชาติที่มีฝนตกหนักและเกิดดินถล่ม เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่พนักงานขับรถไม่สามารถเบรก หรือบังคับให้รถหยุดได้ทัน ซึ่งความเร็วของรถไฟดังกล่าวอยู่ที่ 45 กม./ชั่วโมง เมื่อจะเบรกต้องใช้ระยะทางถึง 700 เมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความสูญเสียของการรถไฟฯที่ยังประเมินไม่ได้ ต้องรอให้พนักงานจากส่วนกลางเดินทางมาตรวจสอบ
ส่วนการกู้หัวรถจักรในวันนี้ (1 ก.ย.) จะต้องใช้เครนขนาดใหญ่ เพื่อยกหัวรถจักรที่มีน้ำหนักถึง 100 ตันขึ้นจากแม่น้ำยม อย่างไรก็ตาม ควรมองไปที่ผู้เสียชีวิตทั้งสองรายจะต้องการหาทางนำขึ้นมาจากน้ำก่อน
ทั้งนี้ การกู้ซากหัวรถจักรที่จะต้องใช้รถช่วยเหลือที่ประจำอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ อาจต้องประสบปัญหาไม่สามารถเดินทางจาก สถานีศิลาอาสร์มาจุดเกิดเหตุได้ เนื่องจากบริเวณอุโมงค์ลอดใต้ภูเขามีหินตกทับเส้นทางบริเวณ ต.ด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นอกจากนั้น ยังมีน้ำท่วมในบริเวณบ้านห้วยไร่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่
โดยจะเป็นอุปสรรคในการนำรถช่วยเหลือเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ในเวลา 08.00 น.วันนี้ การรถไฟฯจะประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนทำงานกู้ซากหัวรถจักรต่อไป โดยจะต้องปิดการเดินรถจนกว่าภารกิจจะจบลง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเปิดให้รถไฟสายเหนือเดินได้ในเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันนี้
รถไฟสายดังกล่าวถึงแม้จะเป็นขบวนรถเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ ก็ตาม แต่เริ่มขบวนที่สถานีรถไฟจังหวัดลำปาง เนื่องจากมีน้ำท่วม ทับเส้นทางในลำพูน ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักทั่วภาคเหนือ โดยมีผู้โดยสารจำนวน 300 คนเดินทางมาด้วย ในจำนวนนี้บาดเจ็บเพียง 4 คนเท่านั้น