อุบลราชธานี - พิธีรับศพนายทหารกล้า พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี กลับบ้านเกิดเมืองอุบลฯสมเกียรติ ภรรยาลั่นจะส่งเสียลูก 3 คนเรียนให้จบ ขณะที่บุตรชายเผยพ่อเคยบอกการตายมีอยู่ 2 อย่าง คือ ตายอย่างหนักแน่นดั่งขุนเขา หรือจะตายเบาบางอย่างขนนก
วันนี้( 27 ส.ค.) ที่กองบิน 21 กองพลบินที่ 2 จ.อุบลราชธานี เครื่องบินทหารได้นำศพของพ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี อายุ 50 ปี ผู้บังคับการกรมพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากรที่ 2 กองพลพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากร และเป็น ผบ.ฉก.1 รับผิดชอบดูแลพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งถูกคนร้ายแอบจุดระเบิดแสวงเครื่องพร้อมระดมยิงใส่รถที่นั่งมาถึงถนนทางเข้าหมู่บ้านบันนังกูแว-บ้านบาโงสะโต หมู่ 9 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จนเสียชีวิตพร้อมผู้ใต้บังคับ เพื่อนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด โดยมีทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนระดับสูงจำนวนหลายร้อยคนมาคอยรอรับศพจากกองบิน 21
สำหรับรถที่ใช้บรรทุกศพ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ทหารกองเกียรติยศได้นำธงชาติมาประดับรอบรถยูนิมอค มีรถตำรวจนำขบวน ตามด้วยขบวนรถของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาโป๊ะ-เกษ จังกาจิตต์ วัดสุปัฎนารามวรวิหาร อ.เมืองอุบลราชธานี และมีพิธีพระราชทานน้ำอาบศพในวันนี้ สำหรับวันที่ 2 ก.ย.จะเป็นพิธีพระราชทานเพลิงศพนายทหารกล้าที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี เกิดที่หมู่บ้านท่าศาลา หมู่ 4 ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี เป็นบุตรของนายไสว นางเชย ประเสริฐศรี เรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนบ้านชีทวน อ.เขื่องใน ก่อนย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนวัคณิกาผล เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ และศึกษาต่อระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดน้อยนพคุณ เขตดุสิต
จากนั้นสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 28 รับราชการครั้งแรกที่ จ.สกลนคร ก่อนย้ายไปที่ จ.ขอนแก่น ต่อมาได้รับตำแหน่งรองผู้การกรมทหารราบ ค่ายสีหราชเดโช จ ขอนแก่น ก่อนได้รับแต่งตั้งไปเป็นผู้การกรมสามจังหวัดชายแดนภาคไต้จนถึงวันเสียชีวิต
ด้านนางสุภาภรณ์ ประเสริฐศรี ภรรยาของ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 26 ส.ค. ครั้งแรกยังไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง แต่พอเช็คกับเพื่อนสามี จึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริง ตอนทราบข่าวการเสียชีวิตทำอะไรไม่ถูก รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ สำหรับอนาคตข้างหน้าก็ต้องทำหน้าที่ดูแลบุตรชายและบุตรสาวทั้ง 3 คน ที่กำลังศึกษาให้จบการศึกษาตามที่สามีได้หวังเอาไว้
ส่วนนายประพัฒน์ ประเสริฐศรี อายุ 22 ปี บุตรชายคนโตนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ จ.ชลบุรี กล่าวถึงบิดาว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อทางทีวี ตอนแรกก็ไม่เชื่อ กระทั่งลุงโทรมาบอก มันทำใจไม่ถูก เพราะกระทันหันมาก ที่ผ่านมาพ่อวางแผนไว้มากสำหรับครอบครัว พ่อจะปลูกบ้านใหม่ แต่เมื่อพ่อมาเสียไป เรื่องการปลุกบ้านก็ต้องระงับไว้ก่อน ต้องเอาเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อออกมาทำงานดูแลแม่และน้องอีก 2 คน
นายประพัฒน์บุตรชายคนโตของ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ใจจริงแล้วก็รักอาชีพทหาร เพราะชอบมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สอบไม่ติดจึงไม่ได้เป็นทหารเหมือนพ่อ จึงได้เบนเข็มมาเรียนทางเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจที่มีพ่อเป็นทหาร อย่างน้อยก่อนพ่อจะเสีย ก็ได้ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทำเพื่อครอบครัว การตายอย่างวีรบุรุษบางครั้งมันก็น่าคิด พ่อเคยบอกว่าการตายมีอยู่ 2 อย่าง คือ ตายอย่างหนักแน่นดั่งขุนเขา หรือจะตายเบาบางอย่างขนนก ซึ่งพ่อได้พิสูจน์แล้วว่า พ่อได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ได้เวลาสมควรที่พ่อจะกลับมาบ้านแล้ว นายประพัฒน์กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อบิดาในที่สุด
วันนี้( 27 ส.ค.) ที่กองบิน 21 กองพลบินที่ 2 จ.อุบลราชธานี เครื่องบินทหารได้นำศพของพ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี อายุ 50 ปี ผู้บังคับการกรมพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากรที่ 2 กองพลพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากร และเป็น ผบ.ฉก.1 รับผิดชอบดูแลพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งถูกคนร้ายแอบจุดระเบิดแสวงเครื่องพร้อมระดมยิงใส่รถที่นั่งมาถึงถนนทางเข้าหมู่บ้านบันนังกูแว-บ้านบาโงสะโต หมู่ 9 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา จนเสียชีวิตพร้อมผู้ใต้บังคับ เพื่อนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด โดยมีทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนระดับสูงจำนวนหลายร้อยคนมาคอยรอรับศพจากกองบิน 21
สำหรับรถที่ใช้บรรทุกศพ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ทหารกองเกียรติยศได้นำธงชาติมาประดับรอบรถยูนิมอค มีรถตำรวจนำขบวน ตามด้วยขบวนรถของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เพื่อนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาโป๊ะ-เกษ จังกาจิตต์ วัดสุปัฎนารามวรวิหาร อ.เมืองอุบลราชธานี และมีพิธีพระราชทานน้ำอาบศพในวันนี้ สำหรับวันที่ 2 ก.ย.จะเป็นพิธีพระราชทานเพลิงศพนายทหารกล้าที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ประเสริฐศรี เกิดที่หมู่บ้านท่าศาลา หมู่ 4 ต.ชีทวน อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี เป็นบุตรของนายไสว นางเชย ประเสริฐศรี เรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนบ้านชีทวน อ.เขื่องใน ก่อนย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนวัคณิกาผล เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ และศึกษาต่อระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดน้อยนพคุณ เขตดุสิต
จากนั้นสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร และจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 28 รับราชการครั้งแรกที่ จ.สกลนคร ก่อนย้ายไปที่ จ.ขอนแก่น ต่อมาได้รับตำแหน่งรองผู้การกรมทหารราบ ค่ายสีหราชเดโช จ ขอนแก่น ก่อนได้รับแต่งตั้งไปเป็นผู้การกรมสามจังหวัดชายแดนภาคไต้จนถึงวันเสียชีวิต
ด้านนางสุภาภรณ์ ประเสริฐศรี ภรรยาของ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ ซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 26 ส.ค. ครั้งแรกยังไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง แต่พอเช็คกับเพื่อนสามี จึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริง ตอนทราบข่าวการเสียชีวิตทำอะไรไม่ถูก รู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ สำหรับอนาคตข้างหน้าก็ต้องทำหน้าที่ดูแลบุตรชายและบุตรสาวทั้ง 3 คน ที่กำลังศึกษาให้จบการศึกษาตามที่สามีได้หวังเอาไว้
ส่วนนายประพัฒน์ ประเสริฐศรี อายุ 22 ปี บุตรชายคนโตนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตบางพระ จ.ชลบุรี กล่าวถึงบิดาว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อทางทีวี ตอนแรกก็ไม่เชื่อ กระทั่งลุงโทรมาบอก มันทำใจไม่ถูก เพราะกระทันหันมาก ที่ผ่านมาพ่อวางแผนไว้มากสำหรับครอบครัว พ่อจะปลูกบ้านใหม่ แต่เมื่อพ่อมาเสียไป เรื่องการปลุกบ้านก็ต้องระงับไว้ก่อน ต้องเอาเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อออกมาทำงานดูแลแม่และน้องอีก 2 คน
นายประพัฒน์บุตรชายคนโตของ พ.อ.(พิเศษ)สุทธิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ใจจริงแล้วก็รักอาชีพทหาร เพราะชอบมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สอบไม่ติดจึงไม่ได้เป็นทหารเหมือนพ่อ จึงได้เบนเข็มมาเรียนทางเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ ซึ่งตนรู้สึกภูมิใจที่มีพ่อเป็นทหาร อย่างน้อยก่อนพ่อจะเสีย ก็ได้ทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ทำเพื่อครอบครัว การตายอย่างวีรบุรุษบางครั้งมันก็น่าคิด พ่อเคยบอกว่าการตายมีอยู่ 2 อย่าง คือ ตายอย่างหนักแน่นดั่งขุนเขา หรือจะตายเบาบางอย่างขนนก ซึ่งพ่อได้พิสูจน์แล้วว่า พ่อได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ได้เวลาสมควรที่พ่อจะกลับมาบ้านแล้ว นายประพัฒน์กล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อบิดาในที่สุด