กาฬสินธุ์ -อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง นายเคน หนองเสนา คณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) สายผู้ทรงคุณวุฒิ จังหวัดกาฬสินธุ์ เอาผิดอาญาข้อหาแจ้งมติเท็จแล้ว ขณะที่ประธานสอบวินัย 7 ปลัด อบต.ฉาวชี้โทษหนักถึงให้ออก เปิดแฟ้มให้ชี้แจงข้อกล่าวหา ก่อนสรุปสำนวน ฟันโทษหนักทางวินัยราชการ ด้านเหยื่อสินบน แห่ยื่นความจำนงร้องเครือข่ายสินบนแน่นศูนย์ดำรงธรรม
วันนี้ (23 ส.ค.)ที่ว่าการอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นายพงศธร สัจจะชลพันธ์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ในฐานะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 คน ที่พัวพันในคดีเรียกรับสินบน 300 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากปัญหาการจัดสอบในบัญชีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.ทุ่งคลอง) อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ โดยคณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม ในการสอบสวนปัญหาเรียกรับสินบน
นายพงศธร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้เข้าทำงานสอบสวนวินัยร้ายแรงตามข้อกล่าวหาปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 7 คน ซึ่งในกรณีนี้เป็นกรณีการทุจริตในการเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในการจัดสอบ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.จะเปิดให้ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7 คน ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาที่จะรวมไปถึงเหตุและผลขอการทำงาน ในการจัดสอบตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการส่งมอบข้อสอบ 2.เมื่อรับฟังคำชี้แจงแล้ว ก็จะมีการนำข้อมูลจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ในชุดอำเภอคำม่วง เข้ามาหักล้างข้อกล่าวหา และในขั้นที่ 3 ก็จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินการตามผลสอบสวนต่อไป
สำหรับกรณีการสอบสวนในคดีสินบน 300 ล้านบาท นี้ เป็นการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดตามคำสั่งของคณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) จังหวัดกาฬสินธุ์ ในกรณีปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 7 คน ซึ่งเป็นพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดสอบมีปัญหาทุจริตในการจัดสอบ ก็จะมีการสอบสวนทีละราย เพราะแต่ละคนก็จะมีข้อกล่าวหาที่เหมือนกัน แต่จะมีประจักษ์พยานแตกต่างกัน
การดำเนินการสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะไม่ว่าผลสอบออกมาอย่างไร ก็คือ ข้อเท็จจริงที่จะต้องรายงาน ส่วนผลของการกระทำหากพบว่ามีการทุจริตจริงในการจัดสอบ โทษร้ายแรงทางวินัยราชการ ก็คือ การให้ออกจากราชการนั่นเอง
นายพงศธร กล่าวถึงกรณีการสอบสวน นายฉลอง เทือกภูเขียว ปลัดองค์การปกครองส่วนตำบล (อบต.ท่งุคลอง) อ.คำม่วง ซึ่งเป็นการพัวพันการเรียกรับสินบน ในการจัดสอบขณะนี้ คาดว่า บทสรุปในผลการสอบสวน คงจะอีกไม่ช้าก็จะพบความจริง เพราะในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบพยานหลักฐานที่จะรายงานไปยัง ก.อบต.จังหวัดกาฬสินธุ์ และจะมีการพิจารณาผลการสอบสวนอีกครั้ง
ส่วนที่ชั้น 5 ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ปรากฏว่า มีประชาชนผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในคดีสินบน เดินทางเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนใน อำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย อำเภอสมเด็จ อำเภอกมลาไสย และกิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ถูกเครือข่ายเรียกรับสินบน ทำการโฆษณาชวนเชิญแล้วรีดทรัพย์ตกเฉลี่ยคนละ 250,000 บาท
ด้านผู้เสียหายในกิ่งอำเภอสามชัย (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ระบุว่า เครือข่ายเรียกรับสินบนส่วนใหญ่จะใช้ความคุ้นเคยกันภายในครอบครัวแล้ว ก็จะโฆษณาไปถึงระบบการจัดสอบที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเข้าทำงาน ซึ่งในส่วนนี้ทางครอบครัวคาดไม่ถึงว่าจะถูกหลอก เพราะบุคคลที่เข้ามาเรียกรับเงินไปก็เป็นถึงผู้ใหญ่ในอำเภอนี้
“ขณะนี้ตนไม่ต้องการที่จะเข้าทำงาน หรือมีชื่อขึ้นภายในบัญชีสอบ อบต.ทุ่งคลอง แล้ว เพราะตั้งแต่มีการระงับบัญชีก็ได้ไปสมัครงานไว้ที่อื่น และก็มีอาชีพมีงานทำแล้ว แต่สิ่งที่เจ็บใจ ก็คือพ่อ-แม่ที่มีความหวังดีหลงเชื่อในสิ่งที่ผิด ไปตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อจนทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก และเมื่อหลายฝ่ายได้ออกมาทำการประจาน เพื่อปราบปรามขบวนการคอร์รัปชันกลุ่มนี้ ขอมูลที่ตนเองมีอยู่ ก็เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์ในการเอาผิด ขบวนการสินบนได้ไม่มากก็น้อย”
นายพงษ์ศักดิ์ วิริยะพานิชย์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งการให้ท้องถิ่นจังหวัดแจ้งความดำเนินคดีกับ นายเคน หนองเสนา คณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) สายผู้ทรงคุณวุฒิ จังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อหาแจ้งมติเท็จต่อ นายถาวร บุตรศรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.ทุ่งคลอง) อ.คำม่วง ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้ส่งสำนวนให้แก่สำนักงานอัยการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบสำนวน โดยคณะกรรมการที่ได้มีการตั้งขึ้นร่วมตรวจสอบจำนวน 3 คน ในขณะนี้ได้มีการสรุปสำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความเห็นสั่งฟ้อง นายเคน หนองเสนา ไปยัง ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีทางอาญา เนื่องจากเป็นการกระทำผลด้วยการแจ้งเอกสารเท็จ
ส่วนผลที่จะตามมาในข้อหาอื่นหรือไม่ ก็จะต้องรอฟังผลการตรวจสอบสำนวนจากสำนักงานอัยการเขต 4 ขอนแก่น ภายในสัปดาห์นี้
วันนี้ (23 ส.ค.)ที่ว่าการอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ นายพงศธร สัจจะชลพันธ์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ในฐานะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7 คน ที่พัวพันในคดีเรียกรับสินบน 300 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากปัญหาการจัดสอบในบัญชีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.ทุ่งคลอง) อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ โดยคณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม ในการสอบสวนปัญหาเรียกรับสินบน
นายพงศธร กล่าวว่า ภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้เข้าทำงานสอบสวนวินัยร้ายแรงตามข้อกล่าวหาปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 7 คน ซึ่งในกรณีนี้เป็นกรณีการทุจริตในการเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในการจัดสอบ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1.จะเปิดให้ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 7 คน ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาที่จะรวมไปถึงเหตุและผลขอการทำงาน ในการจัดสอบตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการส่งมอบข้อสอบ 2.เมื่อรับฟังคำชี้แจงแล้ว ก็จะมีการนำข้อมูลจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ในชุดอำเภอคำม่วง เข้ามาหักล้างข้อกล่าวหา และในขั้นที่ 3 ก็จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินการตามผลสอบสวนต่อไป
สำหรับกรณีการสอบสวนในคดีสินบน 300 ล้านบาท นี้ เป็นการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดตามคำสั่งของคณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) จังหวัดกาฬสินธุ์ ในกรณีปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 7 คน ซึ่งเป็นพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดสอบมีปัญหาทุจริตในการจัดสอบ ก็จะมีการสอบสวนทีละราย เพราะแต่ละคนก็จะมีข้อกล่าวหาที่เหมือนกัน แต่จะมีประจักษ์พยานแตกต่างกัน
การดำเนินการสอบสวนจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ เพราะไม่ว่าผลสอบออกมาอย่างไร ก็คือ ข้อเท็จจริงที่จะต้องรายงาน ส่วนผลของการกระทำหากพบว่ามีการทุจริตจริงในการจัดสอบ โทษร้ายแรงทางวินัยราชการ ก็คือ การให้ออกจากราชการนั่นเอง
นายพงศธร กล่าวถึงกรณีการสอบสวน นายฉลอง เทือกภูเขียว ปลัดองค์การปกครองส่วนตำบล (อบต.ท่งุคลอง) อ.คำม่วง ซึ่งเป็นการพัวพันการเรียกรับสินบน ในการจัดสอบขณะนี้ คาดว่า บทสรุปในผลการสอบสวน คงจะอีกไม่ช้าก็จะพบความจริง เพราะในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบพยานหลักฐานที่จะรายงานไปยัง ก.อบต.จังหวัดกาฬสินธุ์ และจะมีการพิจารณาผลการสอบสวนอีกครั้ง
ส่วนที่ชั้น 5 ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ปรากฏว่า มีประชาชนผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในคดีสินบน เดินทางเข้ามาร้องทุกข์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นประชาชนใน อำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย อำเภอสมเด็จ อำเภอกมลาไสย และกิ่งอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ถูกเครือข่ายเรียกรับสินบน ทำการโฆษณาชวนเชิญแล้วรีดทรัพย์ตกเฉลี่ยคนละ 250,000 บาท
ด้านผู้เสียหายในกิ่งอำเภอสามชัย (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ระบุว่า เครือข่ายเรียกรับสินบนส่วนใหญ่จะใช้ความคุ้นเคยกันภายในครอบครัวแล้ว ก็จะโฆษณาไปถึงระบบการจัดสอบที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเข้าทำงาน ซึ่งในส่วนนี้ทางครอบครัวคาดไม่ถึงว่าจะถูกหลอก เพราะบุคคลที่เข้ามาเรียกรับเงินไปก็เป็นถึงผู้ใหญ่ในอำเภอนี้
“ขณะนี้ตนไม่ต้องการที่จะเข้าทำงาน หรือมีชื่อขึ้นภายในบัญชีสอบ อบต.ทุ่งคลอง แล้ว เพราะตั้งแต่มีการระงับบัญชีก็ได้ไปสมัครงานไว้ที่อื่น และก็มีอาชีพมีงานทำแล้ว แต่สิ่งที่เจ็บใจ ก็คือพ่อ-แม่ที่มีความหวังดีหลงเชื่อในสิ่งที่ผิด ไปตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อจนทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก และเมื่อหลายฝ่ายได้ออกมาทำการประจาน เพื่อปราบปรามขบวนการคอร์รัปชันกลุ่มนี้ ขอมูลที่ตนเองมีอยู่ ก็เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์ในการเอาผิด ขบวนการสินบนได้ไม่มากก็น้อย”
นายพงษ์ศักดิ์ วิริยะพานิชย์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งการให้ท้องถิ่นจังหวัดแจ้งความดำเนินคดีกับ นายเคน หนองเสนา คณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น (ก.อบต.) สายผู้ทรงคุณวุฒิ จังหวัดกาฬสินธุ์ ข้อหาแจ้งมติเท็จต่อ นายถาวร บุตรศรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.ทุ่งคลอง) อ.คำม่วง ต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้ส่งสำนวนให้แก่สำนักงานอัยการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบสำนวน โดยคณะกรรมการที่ได้มีการตั้งขึ้นร่วมตรวจสอบจำนวน 3 คน ในขณะนี้ได้มีการสรุปสำนวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ มีความเห็นสั่งฟ้อง นายเคน หนองเสนา ไปยัง ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีทางอาญา เนื่องจากเป็นการกระทำผลด้วยการแจ้งเอกสารเท็จ
ส่วนผลที่จะตามมาในข้อหาอื่นหรือไม่ ก็จะต้องรอฟังผลการตรวจสอบสำนวนจากสำนักงานอัยการเขต 4 ขอนแก่น ภายในสัปดาห์นี้