อุดรธานี - “เสือเอก” สิ้นลายถูกตำรวจเมืองอุดรธานี รวบสำเร็จ หลังพาลูกเมียหลบหนีนายประกันคดีพยายามฆ่าที่นครสวรรค์ มาอยู่ในเมืองอุดร และก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ในอุดรฯ รวม 12 ราย
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (2 ส.ค.) พล.ต.ต.เฉลิมชัย จงศิริ รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.เขมณัส สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.สิทธิพร โนนจุ้ย ผกก.สภ.อ.เมืองอุดรธานี ได้แถลงข่าวการจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ในเขตพื้นที่ อ.เมืองอุดรธานี 12 ครั้ง คือ นายชัชวาลย์ หรือ เสือเอก เหลาแตว อายุ 30 ปี และนางสุภามาศ เหลาแตว อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 21 ต.หนองสนม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
ทั้งนี้ สามารถจับกุมได้พร้อมด้วยของกลาง เป็นอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก, กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด, โทรศัพท์มือถืออีซีโอ 1 เครื่อง, ใบรับจำนำโทรศัพท์มือถือ และรถจักรยานนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน
พ.ต.อ.สิทธิพร กล่าวว่า นายชัชวาลย์ หรือเสือเอก เป็นลูกน้องของเจ๊ยุง เจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ชื่อดังที่ จ.นครสวรรค์ ที่ให้เด็กไปทวงหนี้แม่ค้าในตลาดแล้วไม่มีเงินให้ จึงตัดมือทิ้งเป็นข่าวครึกโครมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน โดยนายชัชวาลย์ได้เคยถูกจับกุมมาแล้วครั้งหนึ่งในคดีพยายามฆ่า และพาลูกเมียหลบหนีนายประกันตัวเร่รอนไปเรื่อยๆ
ล่าสุด ปลายปี 2548 มากบดานอยู่ที่ จ.อุดรธานี และก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ทั้งหมด 12 ราย เหยื่อเสียชีวิต 2 ราย รายแรก คือ นายสง่า ศิริโส อบต.หนองขอนกว้าง อ.เมืองอุดรธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 29 มกราคม 2549 ที่บริเวณริมทางพาดรถไฟบ้านเซ ต.หนองขอนกว้าง คนร้ายได้สร้อยคอทองคำ 2 บาท และเงินสด 300 บาท
รายที่ 2 นายสุวิชา แสงนอก อายุ 29 ปี คนงานโรงงานน้ำแข็งถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่ริมถนนสายอุดร-สกลนคร ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 26 กรกฎาคม 2549 คนร้ายได้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และวันที่ 22 พฤษภาคม 2549 นางกองแพน สุดแสน อายุ 27 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง ที่แขนขวาและชายโครงขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณทางพาดรถไฟบ้านโคกนาคลอง ต.หนองขอนกว้าง คนร้ายได้สร้อยทองคำหนัก 3 สลึง 1 เส้น
พ.ต.อ.สิทธิพร กล่าวอีกว่า สาเหตุที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ เพราะว่านายชัชวาลย์ ได้โทรศัพท์มาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเมืองอุดรธานี 2-3 ครั้ง โดยบอกว่าเป็นพลเมืองดีมีเบาะแสเกี่ยวกับตัวคนร้ายที่ยิงคนตาย และนัดเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่วัดแห่งหนึ่ง แต่นายชัชวาลย์มีพิรุธหลายอย่าง ประกอบกับรู้มากเกินไป เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาสอบสวน พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟคันดังกล่าวมาด้วย
จากการตรวจสอบพบว่า รถจักรยานยนต์เป็นรถที่ถูกคนร้ายชิงทรัพย์มาจาก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อเดือนธันวาคม 2548 นายชัชวาลย์จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นคนใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์มา พร้อมกับพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจยึดอาวุธปืนลูกซองสั้นที่ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณวัดพร้อมกระสุนปืนลูกซองอีก 3 นัด ที่กำลังจะใช้ก่อเหตุใหม่
พ.ต.อ.สิทธิพร กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนั้น นายชัชวาลย์ ยังรับสารภาพอีกว่าได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วอีกกว่า 10 ครั้ง มีที่ร้านขายโรตีสายไหม ถนนมิตรภาพอุดร-หนองคาย ได้เงินสด 7,000 บาท และสร้อยคำทองคำหนัก 1 บาท, ที่ซอยหนองตุ เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้เงินสด 400 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, ที่แยกบ้านสามพร้าว ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท, ที่บ้านโคกกล่อง ต.กุดสระ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง, ที่ถนนบ้านสามพร้าว-ดอนกลอย ได้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ที่ร้านขายไก่ยาง ต.หมูม่น ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท, ที่ปั๊มน้ำมันไม่มีชื่อ ถนนอุดร-สกล ได้เงินสด 5,000 บาท และสร้อยคำทองคำหนัก 1 สลึง, ที่ ต.หนองนาคำ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 3 สลึง และที่บายพายขอนแก่น ได้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
นายชัชวาลย์ รับสารภาพอีกว่า ซื้ออาวุธปืนดังกล่าวมาจากเพื่อนที่ จ.นครสวรรค์ ในราคา กระบอกละ 1,000 บาท เอาไว้ป้องกันตัว แต่หลังจากหลบหนีมาอยู่ที่ จ.อุดรธานี กับภรรยาและลูกน้อยอีก 2 คน เงินที่ติดตัวมาก็ไม่พอใช้จ่ายจึงออกตระเวนจี้ชิงทรัพย์ หลังได้ทรัพย์สินมาก็จะให้ภรรยานำไปขายเมื่อเงินหมดก็ออกก่อเหตุอีก ส่วนเหยื่อที่ถูกยิงตาย 2 ราย และบาดเจ็บอีก 1 รายนั้น เพราะต่อสู้ขัดขืนตนไม่มีทางเลือก