ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบช.ภ.3” แถลงผลการจับกุม 2 แก๊งตระเวนขโมยสายไฟฟ้า-โทรศัพท์ และหม้อแปลงไฟฟ้า ได้ผู้ต้องหา 17 ราย ที่บุรีรัมย์ พร้อมของกลางอื้อทั้งสายโทรศัพท์กว่า 2,000 กก.รถกระบะและเครื่องมือใช้ก่อเหตุ ระบุหัวโจกเป็นพนักงานบริษัท TOT เผย เป็นแก๊งใหญ่ตระเวนก่อคดีหลายจังหวัดภาคอีสาน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ (ผบก.) ได้แถลงผลการจับกุมแก๊งขโมยตัดสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ และแก๊งตระเวนขโมยหม้อแปลงไฟฟ้ารายใหญ่ของภาคอีสาน ที่หอประชุมธรรมจารี กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการกระทำผิด สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้าลวดทองแดง หม้อแปลงไฟฟ้าจำนวนมาก และผู้ต้องหา 6 ราย
โดยแก๊งแรกถูกตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมได้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังสืบทราบว่าที่โกดังไม่มีเลขที่ ม.17 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ มีการขโมยตัดสายโทรศัพท์ สายไฟฟ้าจำนวนมากมาลอกเอาลวดทองแดง เพื่อนำไปขาย ตำรวจจึงวางแผนเข้าจับกุมพบคนงาน 10 คน กำลังลอกสายโทรศัพท์เอาลวดทองแดงด้านใน
สอบสวนทราบว่า ของกลางทั้งหมดเป็นของ นายบัญญัติ กระชิมรัมย์ ซึ่งเป็นพนักงานบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จึงติดตามตัวมาสอบสวน เบื้องต้นสงสัยว่า สายโทรศัพท์และสายไฟฟ้าทั้งหมดจะถูกขโมยมาจึงยึดสายโทรศัพท์รวมน้ำหนักกว่า 2,100 กิโลกรัม, รถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสันสีขาว ทะเบียน ณม 3293 กทม.ที่ใช้ขนสายโทรศัพท์ 1 คัน นำส่ง สภ.อ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมผู้ต้องหาทั้ง 11 คนแล้ว
ส่วนแก๊งที่ 2 ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจ สภ.ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้ตั้งจุดตรวจสัมพันธ์พบรถยนต์กระบะ สีขาว หมายเลขทะเบียน บท 3510 พระนครศรีอยุธยา จึงเรียกตรวจภายในท้ายกระบะพบลวดทองแดงบรรจุในถุงปุ๋ยจำนวน 4 ถุง และของกลางคีบตัดเหล็ก ชะแลง กรรไกรขนาดใหญ่ ประแจถอดนอต ถังแก๊ส รวม 18 รายการ คาดว่า เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิด ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติกรรมจะขับรถหลบหนีจึงได้จับกุมไว้รวมทั้งหมด 6 ราย
ประกอบด้วย นายสุดใจ โฉมหน้า อายุ 44 ปี, นายนิคม โฉมหน้า อายุ 21 ปี,นายชาตรี โฉมหน้า อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูกกันทั้ง 3 ราย อยู่บ้านเลขที่ 331 ม.19 ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ นายสมศักดิ์ สังเงิน อายุ 20 ปี, นายศราวุธ สังเงิน อยู่บ้านเลขที่ 11 ม.19 ต.จันทึก อ.ปากช่อง (สองพี่น้อง) และนายเด่น เนียรประดิษฐ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 ม.11 ต.หนองมะนาว อ.คง จ.นครราชสีมา
ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันตระเวนลักทรัพย์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งสายไฟและหม้อแปลงไฟฟ้าช่วงเวลากลางคืนในหลายพื้นที่ทั้ง จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์
พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ทั้งสองกลุ่มถือเป็นแก๊งใหญ่ที่ตระเวนก่อเหตุหลายจังหวัดในเขตรับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีพฤติกรรมลักทั้งสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ หม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อมาลอกเอาลวดทองแดงไปขาย สร้างความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ รวมถึงประชาชนเป็นอย่างมาก
โดยที่ผ่านมา ในเขตพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 3 มีทรัพย์สินประเภทสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ และหม้อแปลงไฟฟ้า ถูกแก๊งเหล่านี้ขโมยไปมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผลการจับกุมแก๊งลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของตำรวจภูธรภาค 3