ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- 2 บริษัทนักลงทุนไทยจูงมือ เช่าที่ดินการเกษตรต่อจากรัฐบาลกัมพูชา 16,000 ไร่ นานถึง 70 ปี ในเขตพื้นที่ อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ตรงข้ามด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เผยเบื้องต้นทุ่ม 200 ล้านลงทุนทำแปลงการเกษตรขนาดใหญ่ ปลูกอ้อย-มัน-กระถินเทพา-พืชพลังงานทดแทน พร้อมผุดโรงงานผลิตน้ำตาล-มัน-เอทานอล-ไบโอดีเซล ส่งกลับมาขายในประเทศไทย ก่อนขยายเต็มรูปแบบคาดลงทุนร่วม 1,000 ล้านบาท
นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ และผู้จัดการตลาดช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการเช่าที่ดิน เพื่อทำการเกษตรจากรัฐบาลกัมพูชา ของบริษัท เรียว กรีน จำกัด (Real Green Company Limited) และบริษัท คริสตอล อะโกร จำกัด (Crystal Agro Company Limited) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั้ง 2 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทนักลงทุนไทย ได้ลงนามทำสัญญาเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรจากรัฐบาลกัมพูชา โดยนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรี อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเข้าดำเนินโครงการแปลงเกษตรขนาดใหญ่ และก่อสร้างโรงงานในเร็วๆ นี้
พื้นที่ที่ได้เช่าจากรัฐบาลกัมพูชา อยู่ห่างจากชายแดนไทย บริเวณด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประมาณ 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในเขต อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ทำสัญญาเช่าที่ดิน เพื่อการเกษตรกับรัฐบาลกัมพูชาเป็นระยะเวลา 70 ปี บริษัทละ 80,000 ไร่ อยู่ตรงข้ามกันคนละฝั่งถนนที่เข้าไปยัง อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย
สำหรับแผนการลงทุน ได้ว่าจ้างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยของไทย เข้าศึกษาสำรวจข้อมูลพื้นฐานในพื้นที่สัมปทาน เพื่อจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีแผนลงทุนทำไร่อ้อยขนาดใหญ่ รวมทั้งปลูกมันสำปะหลัง กระถินเทพา ยางพารา และพืชที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล และ ไบโอดีเซล
พร้อมกันนี้ จะมีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาล โรงงานผลิตเอทานอล โรงผลิตไบโอดีเซล โรงงานแป้งมัน-มันเส้น-มันอัดเม็ด และโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 5 กิโลวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลจะใช้ใบกระถินเทพา ที่ปลูกในระยะ 8 เดือนมาทำการผลิตไฟฟ้าใช้ภายในโครงการ ซึ่งได้ลิขสิทธิ์จากเมืองฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา แล้ว
“บริษัททั้ง 2 แห่ง จะใช้งบประมาณลงทุนในเบื้องต้น แห่งละประมาณ 100 ล้านบาท รวม 200 ล้านบาท และจะขยายการลงทุนออกไป เพื่อดำเนินการเต็มรูปแบบในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณนับพันล้านบาท” นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ส่วนแรงงานจะว่าจ้างชาวกัมพูชาเข้ามาทำงานในโครงการเป็นหลัก ซึ่งทำให้ชาวกัมพูชามีงานทำมีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งแรงงานผู้เชี่ยวชาญ เช่น วิศวกร จะนำเข้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะทางด้านจังหวัดสุรินทร์ ผ่านด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสุรินทร์ ขยายตัวเจริญเติบโตมากขึ้น
“ทุกฝ่ายสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ เพราะพื้นที่การเกษตรในประเทศกัมพูชามีความพร้อมในการดำเนินโครงการนี้มาก โดยทั้ง 2 บริษัทมีแผนที่จะผลิตเอทานอล น้ำมันไบโอดีเซล รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากอ้อย และมันสำประหลัง ส่งจำหน่ายต่างประเทศโดยเฉพาะขายให้แก่ประเทศไทย ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ในภาวะราคาน้ำมันโลกแพงไม่หยุดเช่นนี้” นายสมบัติ กล่าว
