หนองคาย -ตำรวจหนองคาย ตรวจยึดพระพุทธรูปเก่าแก่ สมัยล้านช้าง อายุกว่า 400 ปี ขนขึ้นรถทัวร์จะนำเข้ากรุงเทพฯ คาด ขายจากลาวส่งยุโรป
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (2 ส.ค.) ที่ด้านหน้าตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย พล.ต.ต.ยุทธนา ปาละนิติเสนา ผบก.ภ.จว.หนองคาย, พ.ต.อ.สุริยา วรินทรา รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.สุจินต์ นาวาเรือน รอง ผกก.สภ.อ.เมืองหนองคาย ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดพระพุทธรูป 8 องค์ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปยืน แขนทั้งสองข้างแนบลำตัว ขนาดความสูง 150 ซม.จำนวน 4 องค์ และสูง 220 ซม.อีก 4 องค์ ทั้งหมดทำจากไม้เนื้อแข็งลงสี
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วานนี้ (1 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้อง อ.เมืองหนองคาย ได้ตั้งด่านตรวจรถ และเรียกตรวจค้นรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ป.1 บริษัท เชิดชัยทัวร์ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย หมายเลข 23-10 ทะเบียน 10-4819 นครราชสีมา มี นายประทีป ปานเกษม เป็นคนขับ พบว่า บริเวณห้องเก็บของมีห่อวัสดุต้องสงสัยวางซ้อนกันอยู่จำนวนมาก เปิดออกดูพบว่าเป็นพระพุทธรูป
สอบสวน นายประทีป คนขับรถให้การว่า มีคนลาวนำมาฝากส่งไปกรุงเทพฯ แล้วจะมีคนไปรับที่บริษัทเอง โดยไม่รู้ว่าเป็นพระพุทธรูป เพราะมีการห่อหุ้มด้วยกระดาษแข็งอย่างแน่นหนา เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดพระพุทธรูปนำส่ง ร.ต.ท.ธีระวัฒน์ ธรรมสอน ร้อยเวรสอบสวน สภ.อ.เมืองหนองคาย ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบปลายทางผู้รับ แต่เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น
พล.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า น่าเชื่อว่า พระพุทธรูปทั้งหมด จะถูกนำมาจากประเทศลาว เพื่อจะนำไปกรุงเทพฯ แล้วส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ส่วนใหญ่จะเป็นสหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรป มีการซื้อขายกันในตลาดมืด
ทั้งนี้ เนื่องจากชาวต่างชาตินิยมซื้อไปตั้งโชว์ และเก็บสะสมไว้เป็นสมบัติส่วนตัว เพื่อการพาณิชย์ ไม่ใช่ด้วยแรงศรัทธา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายอยู่ในขณะนี้
โดยเชื่อว่ากลุ่มขบวนการลักลอบค้าพระพุทธรูปนี้ จะใช้เส้นทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศเป็นครั้งแรก เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการตั้งด่านตรวจเป็นประจำ ที่ผ่านมา ไม่เคยพบเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งจะได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบให้มากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถประเมินมูลค่าของพระพุทธรูปนี้ได้ และจะได้ประสานกับกรมศิลปากรมาตรวจสอบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยใด ส่วนด้านการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดนั้นจะต้องตามตัวคนขับรถและเจ้าหน้าที่ รับฝากของของบริษัท เชิดชัยทัวร์ มาทำสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนายสิทธิพร ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปกรรมท้องถิ่น ประจำจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า พระพุทธรูปเหล่านี้ คาดว่า น่าจะเป็นงานศิลปกรรมฝีมือช่างท้องถิ่น ในประเทศลาว สมัยอาณาจักรล้านช้าง ครั้งที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เป็นกษัตริย์ เมื่อ 400 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสมัยนั้นช่างท้องถิ่นนิยมนำไม้เนื้อแข็งปลวกไม่ขึ้น เช่น ไม้สัก ประดู่ มาแกะสลักลวดลาย ประดิษฐ์เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ และปางเสด็จจากดาวดึงส์
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นปางที่ใช้ไม้เพียงต้นเดียวก็ทำได้ เลือกไม้ที่มีลักษณะลำต้นตรง รูปทรงสวย เมื่อเสร็จแล้วก็นำไปปลุกเสก เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ แล้วนำไปเป็นพระพุทธรูปบูชาประจำวัด เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และพระพุทธรูปลักษณะนี้จะพบเฉพาะในประเทศลาว และภาคอีสานที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เท่านั้น จึงนับเป็นพระพุทธรูปที่หายากในปัจจุบัน ซึ่งพระพุทธรูปที่ตำรวจตรวจยึดครั้งนี้เป็นปางเสด็จจากดาวดึงส์
นายสิทธิพร ยังกล่าวอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ศิลปกรรมเหล่านี้ ไม่ค่อยได้รับความสนใจหรือให้ความสำคัญจากกรมศิลปากรของไทยเท่าที่ควรนัก ไม่มีการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง จึงเป็นการง่ายหากมีการติดต่อซื้อขายเพื่อการพาณิชย์ ยากที่จะควบคุม
จึงควรมีการพิจารณาเพื่อคุ้มครองรักษาศิลปกรรมท้องถิ่น และยิ่งเป็นพระพุทธรูป ซึ่งชาวพุทธให้ความเลื่อมใสศรัทธา ไม่ควรมีการซื้อขายโดยชาวต่างชาติที่นำไปหาผลประโยชน์ไม่ใช่เพื่อการเคารพบูชากราบไหว้