ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธานที่ปรึกษา ส.ท่องเที่ยวจังหวัดตราด ชี้แม้ที่ดินเพื่อการพัฒนากว่า 10% บนเกาะช้างจะถูกนักลงทุนต่างชาติกว้านซื้อในนามนิติบุคคล เพื่อก่อสร้างโครงการรับการท่องเที่ยว แต่ก็ไม่หวั่นจะถูกฮุบเช่นเดียวกับเมืองท่องเที่ยวอื่น เพราะพื้นที่ 75% บนเกาะเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ พร้อมเผยการลงทุนบนเกาะ เริ่มนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
นายสกล สุเนตร ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด เผยถึงภาวะการลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บนพื้นที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ว่า ปัจจุบันขั้นตอนการซื้อ-ขายที่ดินเพื่อเก็งกำไรได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่นักลงทุนนำที่ดินที่ซื้อไว้มาลงทุน ซึ่งมีทั้งในส่วนการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับห้องพักเพื่อการท่องเที่ยว และที่อยู่อาศัย ขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองพัทยา ซึ่งเข้ามากว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่ในลักษณะนิติบุคคล บริเวณชายหาดคลองสน พัฒนาให้เป็นโครงการที่อยู่อาศัย สำหรับขายชาวต่างชาติที่แต่งงานกับผู้หญิงไทย
ทั้งนี้ การลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ บนเกาะช้างมีเพียง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด 25% ที่สามารถพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวหรือเชิงธุรกิจได้ ส่วนที่เหลืออีก 75% เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
“เราไม่กลัวเรื่องการเข้ามากว้านซื้อที่ดินบนเกาะของชาวต่างชาติ เพราะพื้นที่ถึง 75% บนเกาะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดังนั้น กรณีที่จะเกิดการฮุบที่ดิน และธุรกิจบนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย เช่น แหล่งท่องเที่ยวอื่น จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวบนเกาะช้าง ต่างก็เร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อปลุกจิตสำนึกเจ้าของที่ดินบนเกาะช้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น ไม่ให้ขายที่ดินให้แก่ชาวต่างชาติ แต่ให้ทำธุรกิจในลักษณะให้เช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการในระยะ 10-20 ปีแทน เพราะจะทำให้เจ้าของที่ดินเหล่านี้ เหลือสมบัติไว้ให้กับลูกหลานในอนาคตได้”
นายสกล กล่าวอีกว่า การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ สำหรับขายให้แก่ชาวต่างชาติที่มีภรรยาชาวไทยได้อยู่อาศัยบนเกาะช้างเกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากพื้นที่เกาะช้าง เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยว ส่วนปัญหาที่ว่ากระทรวงมหาดไทย ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการโอนสิทธิในที่ดิน ซึ่งชาวต่างชาติไม่สามารถถือสิทธิได้นั้น ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการร้องเรียน เพราะผู้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรรเพื่ออยู่อาศัยบนเกาะช้าง มีเพียงรายเดียวที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณหาดคลองสน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมไอยปุระ ซึ่งก็ไม่ทราบว่า เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถโอนสิทธิ์กันได้หรือไม่
นายสกล เผยว่า สิ่งที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวบนเกาะช้างเป็นกังวล ไม่ใช่เรื่องของการเข้ามาฮุบที่ดินบนเกาะช้างของกลุ่มทุนต่างชาติ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การควบคุมให้เกาะช้าง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสงบตามแผนที่วางไว้ ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้จะมีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารสูงแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ จากภาวะความตกใจทางการท่องเที่ยว จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะช้างมากขึ้น นักลงทุนจึงต้องเร่งการพัฒนางานก่อสร้าง ในส่วนโครงการที่พักอาศัยและโรงแรม จนทำให้การเติบโตทางธุรกิจบนเกาะช้าง เป็นไปแบบก้าวกระโดด เกินหน้าการพัฒนาของระบบสาธารณูปโภคที่วางไว้
ขณะนี้คณะทำงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว กำลังพิจารณาเรื่องการพัฒนาถนนบนเกาะ ว่า อาจจะต้องมีการชะลอบางโครงการ เพื่อป้องกันการนำรถยนต์ขึ้นมาบนเกาะของนักท่องเที่ยว ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องของการอำนวยความสะดวก แต่ในอนาคตหากไม่สามารถควบคุมจำนวนรถยนต์ได้ ก็จะทำให้เกาะช้าง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องทิศทางการเติบโต ได้เช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวมีชื่ออื่นๆ
“ตอนนี้สิ่งที่เรากลัวมาก คือ การไม่สามารถควบคุมทิศทางการเติบโตของเกาะช้างได้ เพราะการลงทุนใหม่ๆเข้ามามากเหลือเกิน ซึ่งเราไม่สามารถกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้ เพราะบางธุรกิจคนไทยดำเนินการได้ไม่ดีเท่าชาวต่างชาติ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงต้องเร่งหารือร่วมกันแล้ว ว่า จะทำอย่างไรให้เกาะช้างควบคุมได้มากกว่านี้ ซึ่งในเรื่องของการซื้อขายที่ดิน และการปั่นราคาที่ดินบนเกาะได้หยุดลงแล้ว และขณะนี้ราคาซื้อขายที่ดินบริเวณชายหาดจะอยู่ที่ประมาณ 10-13 ล้านต่อไร่ แต่เรากลัวเรื่องการลงทุนที่มาเร็วเกินไป แม้ปัจจุบันจำนวนห้องพักที่มีประมาณ 4-5 พันห้องบนเกาะ จะยังเป็นจำนวนห้องพักที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ตาม” นายสกล กล่าว
นายสกล สุเนตร ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด เผยถึงภาวะการลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บนพื้นที่เกาะช้าง จังหวัดตราด ว่า ปัจจุบันขั้นตอนการซื้อ-ขายที่ดินเพื่อเก็งกำไรได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่นักลงทุนนำที่ดินที่ซื้อไว้มาลงทุน ซึ่งมีทั้งในส่วนการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับห้องพักเพื่อการท่องเที่ยว และที่อยู่อาศัย ขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองพัทยา ซึ่งเข้ามากว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่ในลักษณะนิติบุคคล บริเวณชายหาดคลองสน พัฒนาให้เป็นโครงการที่อยู่อาศัย สำหรับขายชาวต่างชาติที่แต่งงานกับผู้หญิงไทย
ทั้งนี้ การลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ บนเกาะช้างมีเพียง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด 25% ที่สามารถพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวหรือเชิงธุรกิจได้ ส่วนที่เหลืออีก 75% เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
“เราไม่กลัวเรื่องการเข้ามากว้านซื้อที่ดินบนเกาะของชาวต่างชาติ เพราะพื้นที่ถึง 75% บนเกาะเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดังนั้น กรณีที่จะเกิดการฮุบที่ดิน และธุรกิจบนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย เช่น แหล่งท่องเที่ยวอื่น จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวบนเกาะช้าง ต่างก็เร่งประชาสัมพันธ์ เพื่อปลุกจิตสำนึกเจ้าของที่ดินบนเกาะช้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น ไม่ให้ขายที่ดินให้แก่ชาวต่างชาติ แต่ให้ทำธุรกิจในลักษณะให้เช่าที่ดิน เพื่อดำเนินการในระยะ 10-20 ปีแทน เพราะจะทำให้เจ้าของที่ดินเหล่านี้ เหลือสมบัติไว้ให้กับลูกหลานในอนาคตได้”
นายสกล กล่าวอีกว่า การลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ สำหรับขายให้แก่ชาวต่างชาติที่มีภรรยาชาวไทยได้อยู่อาศัยบนเกาะช้างเกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากพื้นที่เกาะช้าง เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยว ส่วนปัญหาที่ว่ากระทรวงมหาดไทย ได้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการโอนสิทธิในที่ดิน ซึ่งชาวต่างชาติไม่สามารถถือสิทธิได้นั้น ยังเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการร้องเรียน เพราะผู้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรรเพื่ออยู่อาศัยบนเกาะช้าง มีเพียงรายเดียวที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่บริเวณหาดคลองสน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมไอยปุระ ซึ่งก็ไม่ทราบว่า เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถโอนสิทธิ์กันได้หรือไม่
นายสกล เผยว่า สิ่งที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวบนเกาะช้างเป็นกังวล ไม่ใช่เรื่องของการเข้ามาฮุบที่ดินบนเกาะช้างของกลุ่มทุนต่างชาติ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การควบคุมให้เกาะช้าง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสงบตามแผนที่วางไว้ ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้จะมีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคารสูงแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ จากภาวะความตกใจทางการท่องเที่ยว จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบนเกาะช้างมากขึ้น นักลงทุนจึงต้องเร่งการพัฒนางานก่อสร้าง ในส่วนโครงการที่พักอาศัยและโรงแรม จนทำให้การเติบโตทางธุรกิจบนเกาะช้าง เป็นไปแบบก้าวกระโดด เกินหน้าการพัฒนาของระบบสาธารณูปโภคที่วางไว้
ขณะนี้คณะทำงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว กำลังพิจารณาเรื่องการพัฒนาถนนบนเกาะ ว่า อาจจะต้องมีการชะลอบางโครงการ เพื่อป้องกันการนำรถยนต์ขึ้นมาบนเกาะของนักท่องเที่ยว ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องของการอำนวยความสะดวก แต่ในอนาคตหากไม่สามารถควบคุมจำนวนรถยนต์ได้ ก็จะทำให้เกาะช้าง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องทิศทางการเติบโต ได้เช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวมีชื่ออื่นๆ
“ตอนนี้สิ่งที่เรากลัวมาก คือ การไม่สามารถควบคุมทิศทางการเติบโตของเกาะช้างได้ เพราะการลงทุนใหม่ๆเข้ามามากเหลือเกิน ซึ่งเราไม่สามารถกีดกันไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในพื้นที่ได้ เพราะบางธุรกิจคนไทยดำเนินการได้ไม่ดีเท่าชาวต่างชาติ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจึงต้องเร่งหารือร่วมกันแล้ว ว่า จะทำอย่างไรให้เกาะช้างควบคุมได้มากกว่านี้ ซึ่งในเรื่องของการซื้อขายที่ดิน และการปั่นราคาที่ดินบนเกาะได้หยุดลงแล้ว และขณะนี้ราคาซื้อขายที่ดินบริเวณชายหาดจะอยู่ที่ประมาณ 10-13 ล้านต่อไร่ แต่เรากลัวเรื่องการลงทุนที่มาเร็วเกินไป แม้ปัจจุบันจำนวนห้องพักที่มีประมาณ 4-5 พันห้องบนเกาะ จะยังเป็นจำนวนห้องพักที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ตาม” นายสกล กล่าว