xs
xsm
sm
md
lg

ปศุสัตว์พิษณุโลกแฉนักข่าวตัวดียุชาวบ้านโยนซากไก่ลงน้ำหวังได้ภาพสวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การขุดหลุมฝังไก่ที่ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 ก.ค.49 ที่ผ่านมา
พิษณุโลก – การทำลายไก่พื้นเมืองในพื้นที่พิษณุโลกยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง จนชาวบ้านวิงวอนขอไก่ชนตัวผู้ไว้ทำพ่อพันธุ์ ขณะที่ปศุสัตว์พิษณุโลกขอย้ายตัวเอง พร้อมแฉนักข่าว-ช่างภาพบางคนยุชาวบ้านให้โยนไก่ลงแหล่งน้ำหวังได้ภาพตามที่ตนเองต้องการ


รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลกแจ้งว่า นายยงยศ เมฆอรุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้เดินทางไปที่ อ.วัดโบสถ์ เพื่อร่วมกับพื้นที่สำรวจพื้นที่สัตว์ปีกป่วยตายและเร่งทำลาย หลังประชุมผู้นำท้องถิ่นที่ อ.พรหมพิราม เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดพิษณุโลก-สุโขทัย และอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.49 ที่ผ่านมา

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สำรวจพื้นที่ ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พบว่า ปศุสัตว์อำเภอวังทอง กำลังออกมาเก็บไก่ที่ชาวบ้าน 8 หมู่บ้าน รวบรวมไว้ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมาฝังทำลาย เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ปีกป่วยตายมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ชั่งกิโลไก่พื้นเมืองที่ชาวบ้านจับใส่ถุงปุ๋ยมาทำลายประมาณ 1,000 กิโลกรัม โดยใช้รถแบ็กโฮขุดหลุมฝังในพื้นที่สาธารณะหมู่ที่ 13

นายณรงค์ จอยพุก กำนันตำบลท่าหมื่นราม บอกว่า ชาวบ้านยินดีให้ความร่วมมือปศุสัตว์ที่ทำลายไก่ เพราะไก่ที่เลี้ยงในช่วงนี้ขายไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งข่าวไข้หวัดนกและมีไก่ป่วยตาย ถ้าขายก็ได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท แต่เมื่อขายไม่ได้ นำมาทำลายยังได้ค่าชดเชยกิโลกรัมละ 45 บาท หรือถ้าเป็นไก่ลูกเจี๊ยบอายุ 6 เดือนยังได้ตัวละ 15 บาท อายุต่ำกว่า 6 เดือนได้ตัวละ 5 บาท ทำให้ชาวบ้านให้ความมือเต็มที่

ชาวบ้านรายหนึ่งที่ท่าหมื่นราม ได้จับไก่ชนที่เลี้ยงไว้ 5 ตัวเตรียมใส่ถุงปุ๋ย เพื่อนำมาที่จุดทำลาย ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ว่า ไม่ทำลายได้หรือไม่ เพราะไก่ของตนเลี้ยงเป็นอย่างดี ทำคอกกั้นไว้และฉีดวัคซีนตลอด ไม่มีอาการป่วย ขณะที่ไก่อื่นเลี้ยงปล่อย นอนตามต้นไม้ ถูกฝนและป่วยเป็นธรรมดาในหน้าฝน ซึ่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์แนะนำว่าไม่ได้บังคับว่าจะต้องทำลายทุกตัว หากยืนยันว่าไก่ไม่ป่วยต้องลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน หากเกิดมีไก่ป่วยตายก็ไม่สามารถรับเงินชดเชยได้ และถ้าไก่ตายจะต้องทำการฝังกลับเอง

อีกทั้งถ้าปล่อยออกไปนอกเล้าจะต้องถูกลงโทษด้วยการจ่ายเงินค่าปรับ ซึ่งทำให้นายดิเรก นำไก่กลับไปเลี้ยงต่อที่บ้าน พร้อมกับลงชื่อไว้เป็นหลักฐานและวิงวอนถึงภาครัฐว่า ควรออกมาตรการบังคับให้ผู้เลี้ยงไก่ทุกหลังคาเรือนต้องทำคอก หรือเล้าสำหรับขังไก่ให้มิดชิด หากบ้านหลังไหนไม่ยอมทำก็จะไม่สามารถเลี้ยงได้ เพราะถ้าเลี้ยงแบบปล่อย ไก่ของผู้ที่เลี้ยงเป็นอย่างดีจะเดือดร้อนตามไปด้วย

ด้าน นางวรรณี สันตมนัส ปศุสัตว์พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนได้รับคำสั่งย้ายไปเป็นปศุสัตว์จังหวัดสุพรรณบุรี หลังจากอธิบดีปศุสัตว์เซ็นคำสั่งย้ายตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะตำแหน่งที่สุพรรณบุรีว่างลง โดยทำเรื่องขอย้ายนานร่วม 1 ปี ด้วยเหตุผลย้ายตามครอบครัว แต่ยังคงปฏิบัติงานใน จ.พิษณุโลก ต่อไป แต่ยังไม่ระบุเวลารับตำแหน่งใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นกี่สัปดาห์หรือกี่เดือน หรือจนกว่าสถานการณ์ไข้หวัดนกจบลง

อย่างไรก็ตาม การย้ายดังกล่าวไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ความกดดันที่ข่าวไข้หวัดนกออกข่าวอย่างรุนแรงและต่อเนื่องเกือบทุกวัน เพราะได้ขอย้ายตัวเองไปนานแล้ว เพียงแต่เป็นห่วงเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ต่างๆ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่หมดกำลังใจ เพราะข่าวที่นำเสนอออกไปค่อนข้างบั่นทอนกำลังใจ

ปศุสัตว์พิษณุโลก ปฏิเสธการขอย้ายตัวเองเป็นเพราะความขัดแย้งกับช่างภาพและผู้สื่อข่าวพิเศษทีวีช่องหนึ่ง เพราะคำสั่งย้ายนั้นออกตรงกับวันที่มีปากเสียงกับนักข่าวช่องดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนและรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าปศุสัตว์จำนวนหนึ่งเดินทางไป อ.บางกระทุ่ม เพื่อต้องการฉีดพ่นยาป้องกันไขหวัดนกแก่ไก่พื้นเมืองเขตติดต่อ จ.พิจิตร

แต่นักข่าวคนดังกล่าวไม่พอใจ ไม่ต้องการบันทึกภาพการป้องกัน แต่ต้องการให้ปศุสัตว์ไปขุดหลุมฝังไก่ที่ อ.เนินมะปราง เพราะไก่ตายจำนวนมาก และมีผู้ป่วยอยู่โรงพยาบาล ทำให้เกิดปากเสียงถึงกับแยกทางขอตัวกลับก่อน ส่งผลให้การนำเสนอข่าวหวัดนกรุนแรง แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการย้ายตน

นางวรรณี กล่าวอีกว่า ตนเห็นใจลูกน้องที่ทำงานหนักในพื้นที่กำลังหมดกำลังใจและวิงวอนถึงนักข่าวหรือช่างภาพบางคนที่ชอบยั่วยุให้ชาวบ้านโยนซากไก่พื้นเมืองลงแม่น้ำเพื่อบันทึกภาพตามใจตนเองเพราะลูกน้องรายงานเข้ามา
กำลังโหลดความคิดเห็น