xs
xsm
sm
md
lg

ปิดตำนาน “หางเครื่อง บางเสร่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลุงเสริม  นายบุญเสริม ปิ่นบัว หัวหน้าคณะหางเครื่อง
ศูนย์ข่าวศรีราชา - เศรษฐกิจยุคทักษิณ ส่งผลทำให้ “หางเครื่อง บางเสร่” อาชีพเด่นประจำจังหวัดชลบุรี ต้องล่มสลาย เหลือเพียงตำนาน พร้อมต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความอยู่รอด


นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลด และหดหู่ใจที่สุด สำหรับการถดถอยในเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ส่งผลให้การประกอบอาชีพบริสุทธิ์ประเภทบันเทิงที่โด่งดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องถึงจุดล่มสลายไปจากสังคมไทย เพราะฝีมือการบริหารประเทศในยุคของ “ทักษิณ ชินวัตร รักษานายกรัฐมนตรี”

“หางเครื่อง บางเสร่” อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้ก่อกำเนิดมาประมาณปีพุทธศักราช 2526 โดยมี นางแถม ซึ่งปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้วได้ เป็นผู้บุกเบิกการก่อตั้งคณะหางเครื่อง ซึ่งเป็นสาวประเภท 2 และลูกหลานสาวในหมู่บ้านบางเสร่ ด้วยการแต่งกายไม่โป้ รำหน้าการแห่นำนาคเข้าอุปสมบท และงานพิธีสำคัญทางศาสนาต่างๆ และได้พัฒนาเรื่อยมาเป็นทีมงาน “หางเครื่อง” ด้วยการแต่งกายนุ่งกางเกงขาสั้นรัดรูป นุ่งน้อยห่มน้อยเต้นด้านหน้าเวที ประจำวงดนตรีในงานวัด หรืองานเลี้ยงต่างๆ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยรับงานเต้นทั้งในและนอกพื้นที่

ต่อมาชาวบ้านเห็นว่า อาชีพ “หางเครื่อง” สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี และถือว่าสร้างเศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านบางเสร่ เป็นแหล่งสร้างาน สร้างรายได้ให้กับวัยรุ่นสาววัยกระเตาะทั้งในหมู่บ้าน และสาวภาคอีสานที่นิยมลงมาฝึกเป็นแดนเซอร์ มีรายได้เดือนละประมาณ 4 หมื่นบาท ซึ่งเป็นอาชีพที่บริสุทธิ์ที่หน่วยงานภาครัฐควรให้การสนับสนุนให้เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน แต่ขณะนี้ใกล้เหลือเพียงตำนานหางเครื่อง บางเสร่ แล้ว

นายบุญเสริม ปิ่นบัว อายุ 66 ปี หัวหน้าคณะหางเครื่อง ที่เคยสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับชุมชนบ้านบางเสร่ เล่าให้ฟังว่า ไม่น่าเชื่อว่า “หางเครื่อง” บางเสร่ จะเหลือเพียงตำนานของหมู่บ้าน เคยมีเด็กสาวอยู่ในการดูแลถึง 70-80 คน ต้องหมดไปอย่างไม่คาดคิดมาก่อน สิ่งที่เหลือไว้เป็นอนุสรณ์ และตำนาน มีเพียงแต่เครื่องแต่งกาย เสื้อ และกระโปรง ทำให้หวนคิดถึงในอดีตที่เคยมีรายได้กับอาชีพอันบริสุทธิ์อย่างมหาศาล จนสามารถซื้อรถยนต์ ปลูกบ้าน ซื้อที่ดิน ไว้ทำมาหากิน

อาชีพหางเครื่อง ซึ่งต่อมา เรียงกันว่า แดนเซอร์ ได้รุ่งเรือง และมีชื่อเสียง ตั้งแต่สมัย นายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ มีรายได้วันละประมาณ 40,000 บาท แต่พอเข้ามาถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มมีปัญหาเรื่อยมา จนถึงวันนี้เหลือเด็กอยู่ในคณะเพียง 7 คน และคิดว่า จะต้องเลิกประกอบอาชีพนี้ และยังมีคณะหางเครื่อง ในตำบลบางเสร่ มีเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ยังหลงเหลือ และอีกไม่นานอาชีพนี้ก็ต้องสูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอน

นายบุญเสริม กล่าวต่อว่า การมีรายได้มากในช่วงนั้นได้เก็บเงินซื้อที่ดิน ปลูกบ้านไว้แล้วจากนี้ไปคงต้องเปลี่ยนวิถีใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว ประกอบอาหารรับประทานยามแก่ และเก็บเกี่ยวพืชไร่ที่ปลูกเอาไว้ในช่วงแรกๆ ส่วนเด็กสาวก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านทำงานโรงงานในท้องถิ่นภาคอีสาน บางคนก็เอาดีด้วยการศึกษาต่อในระบบการศึกษานอกโรงเรียน เพื่อนำความรู้ไปประกอบอาชีพอื่นๆ แทน


กำลังโหลดความคิดเห็น