แพร่ – ป่าไม้จับแทรกเตอร์เกรดพื้นที่สร้างบ้านใหม่ช่วยผู้ประสบอุบัติภัยน้ำป่า-โคลนถล่มแพร่ ยกข้อหารุกป่าผิดกฎหมาย เพียงเพราะไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ แม้เหยื่อน้ำท่วมต้องไร้ที่อยู่อาศัยมานานถึง 42 วันเต็ม
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่แจ้งว่า จนถึงวันนี้ (5 มิ.ย.) นับเป็นเวลา 42 วันหลังเกิดเหตุอุบัติภัยน้ำป่า-โคลนถล่มเมืองแพร่ พร้อมกับอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือเมื่อ 22-23 พ.ค.49 ที่ผ่านมา
แต่ล่าสุดประชาชนในบ้านนาตอง หมู่ 9 ต.ช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ จำนวน 93 ครอบครัว (1 ใน 5 หมู่บ้านที่ประสบอุบัติภัยหนักที่สุด) ยังคงต้องพักอาศัยในบ้านชั่วคราวที่ใช้สังกะสี-ไม้ไผ่ประกอบขึ้นเป็นบ้านพอกันแดดกันฝนไปพลางๆ ก่อน ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยทางการเข้ามาก่อสร้างบ้านให้ ถึงแม้ว่าชาวบ้านเหล่านี้ต้องการให้ทางการเร่งสร้างบ้านโดยเร็วก็ตาม
แต่ในที่สุดต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานราชการด้วยกันเอง โดยเบื้องต้นได้มีการกำหนดให้พื้นที่ดอนในบ้านนาตองเป็นสถานที่ตั้งชุมชนใหม่ อยู่ติดกับหมู่บ้านเดิม แต่เลื่อนขึ้นมาบนเนินเขาสูง ห่างจากเส้นทางน้ำป่า โดยมีการกำหนดพื้นที่จำนวน 20 ไร่ เพื่อเป็นสถานที่สร้างบ้าน ทางราชการใช้รถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่จากกรมทางหลวงชนบท เข้ามาทำการเกรดปรับดินบนเนินเขาให้สามารถสร้างบ้านน็อคดาวน์
แต่ล่าสุดการปรับพื้นที่เพิ่งดำเนินการได้ไม่ถึง 5 ไร่ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติก็ได้สั่งระงับ โดยอ้างว่าเป็นการทำลายป่าผิดกฎหมาย
โดยนายอัษฐพงศ์ พรหมวัชรานนท์ หัวหน้าโครงการอุทยานนาตอง สำนักบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 13 ได้สั่งหยุดการบุกเบิกที่ดินแล้วตั้งแต่เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 3 กรกฎาคม 49 ที่ผ่านมา
หัวหน้าโครงการอุทยานนาตอง กล่าวว่า การสั่งการให้บุกเบิกพื้นที่ของนายเชาวลิต เมฆจำเริญ นายอำเภอเมืองแพร่ เป็นการกระทำโดยพละการ ไม่ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้รับผิดชอบตามกฎหมายรับทราบ ตนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในพื้นที่จึงได้สั่งให้ระงับไว้ก่อน
วันต่อมา นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้เรียกตัวนายอัษฐพงศ์เข้าชี้แจงด่วนที่ห้องทำงานบนศาลากลางจังหวัดแพร่ ในที่สุดจึงทราบว่า ทางอำเภอเมืองแพร่ไม่ดำเนินการตามขั้นตอน นายอธิคมจึงทำหนังสือแจ้งไปยังกรมป่าไม้ในเวลาต่อมา ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวเป็นปัญหาด้านการประสานงาน และการบริหารจัดการของทางราชการในจังหวัดแพร่ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ประสบภัยต้องล่าช้าออกไปในการจัดหาที่อยู่อาศัย
สำหรับผู้ประสบภัยในบ้านนาตอง ที่ต้องอพยพไปอยู่บ้านหลังใหม่มีอยู่ทั้งสิ้น 93 หลังคาเรือนแยกเป็น กลุ่มที่บ้านพังทั้งหลัง 47 หลังคาเรือน บ้านพังบางส่วน 38 หลังคาเรือนและบ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ต้องย้ายออกอีก 8 หลังคาเรือน ยังคงต้องรอคอยบ้านใหม่ต่อไปในขณะที่ปัญหาอื่นๆ ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.แพร่ รวมทั้งการทุจริตของหลายหน่วยงานยักยอกส่งของบริจาคที่มีค่าไปใช้เอง