xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ชาติ-ตำรวจร่วมตะลุยจับบริษัทเงินกู้เถื่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชียงใหม่ - แบงก์ชาติร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมบริษัทเงินด่วนที่เชียงใหม่ 5 แห่ง ที่ปล่อยเงินกู้คิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินความเป็นจริง เพียงแต่นำบัตรเครดิตสินเชื่อมาค้ำประกัน พบมีลูกค้าบางส่วนที่เสียพนันฟุตบอลโลกมาใช้บริการเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ขณะที่สรรพกรเตรียมตรวจสอบเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

นางสาวกรรณิการ์ สิงคบุรี นางสาวกมลวรรณ กลิ่นใหญ่ และนางสาวลักษณา ใจหาญ ถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจเชียงใหม่เข้าจับกุมได้ภายในบริษัทเบสซิสเต็ม ย่านถนนห้วยแก้ว ในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมเอกสารการกู้ยืมเงินของลูกค้ารวมนับพันราย นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังเข้าจับกุมบริษัทปล่อยเงินกู้อีก 4 แห่ง ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมใบปลิวโฆษณาจำนวน 50,000 แผ่น เงินสดอีกกว่า 60,000 บาท ใบเสร็จรับเงินจำนวน 60 เล่ม สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายอีก 50 เล่ม เอกสารสัญญาจำนวน 3,000 ชุด พร้อมผู้ต้องหาอีก 9 คน

นายวิศิษฐ์ วงศ์กิตติรักษ์ ผู้บริหารส่วนวิเคราะห์ธุรกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า บริษัททั้งหมดจะนำใบปลิวโฆษณาไปติดประกาศไว้ตามตู้โทรศัพท์สาธารณะหรือเสาไฟฟ้า ให้ผู้ที่ต้องการเงินด่วนโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่มีรายได้ตั้งแต่ 4,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป เพียงแต่นำบัตรเครดิตสินเชื่อมาเป็นหลักค้ำประกัน แล้วขอกู้เงินสดตามวงเงินของบัตรเครดิต แต่จะถูกหักค่าบริการและคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินจริง ซึ่งคาดว่ามีการกู้เงินไปแล้วหลายสิบล้านบาท โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานทางการเงินอยู่

ขณะที่นายสง่า ลิ้มพัฒนาชาติ นักวิชาการภาษี สำนักงานสรรพกรภาค 8 กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้มีการกำชับสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัทเงินกู้ที่ดำเนินการในลักษณะนี้ย้อนหลังทั้งหมดด้วย เนื่องจากเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล หากมีการเลี่ยงภาษี จะดำเนินการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังทั้งหมด

ด้านพันตำรวจเอกชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติลูกค้าพบว่า บางส่วนมาทำการกู้เงินเพื่อนำไปใช้หนี้พนันฟุตบอลโลก การจับกุมในครั้งนี้จึงเป็นการตัดวงจรการเล่นพนันบางส่วน ทั้งนี้ยังมีบริษัทเงินกู้นอกระบบอีกหลายแห่งที่จะเร่งทำการกวาดล้างให้หมดไป

ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมในครั้งนี้ทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น