xs
xsm
sm
md
lg

บุก “น้ำต๊ะ-น้ำลี” 2 หมู่บ้านเหยื่อโคลนถล่มใน “ท่าปลา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุตรดิตถ์ – เสียงเพรียกจาก “น้ำต๊ะ-น้ำลี” 2 หมู่บ้านกลางหุบเขาของอำเภอท่าปลา เหยื่อน้ำป่า-โคลนถล่ม วันนี้เหลือไม่ถึงครึ่งหมู่บ้าน เผยบางคนสูญเสียญาติพี่น้องเกือบยกตระกูล วอนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจัดระบบการช่วยเหลือ-ฟื้นฟูใหม่ให้ถึงมือผู้ประสบภัยโดยตรงแทนผ่านมือผู้นำชุมชน

เหตุการณ์อุทกภัย-โคลนถล่ม ในหลายพื้นที่ของ จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งล่าสุดจนถึงวันนี้ (26 พ.ค.49) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถประเมินความเสียหายและผู้เสียชีวิตได้อย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับกันว่าเป็นเพราะการระดมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก

โดยที่อำเภอท่าปลา (เฉพาะบ้านน้ำต๊ะและบ้านน้ำลี ต.น้ำหมัน ที่มียอด 100 ครัวเรือน/หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ 200 และ 300 คนตามลำดับ) “ผู้จัดการรายวัน” ได้เดินทางเข้าไปดูที่เกิดเหตุพร้อม ๆ กับขบวนรถโฟร์วิลของสมาชิกชมรมโฟร์วิลจังหวัดตาก ที่ลำเลียงสิ่งของอุปโภค-บริโภคเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น พบว่า แม้มีผู้แจ้งยอดผู้สูญหายจำนวนมาก แต่ยังหาไม่พบเนื่องจากหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ริมห้วยน้ำลี

ล่าสุดเย็นวันที่ 25 พ.ค.49 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพจำนวน 2 ราย นำส่งศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่วัดท่าปลาแล้ว

นางสร้อย อสุชิน อายุ 43 ปี ชาวบ้านน้ำลี ที่ผลัดถิ่นฐานไปทำงานโรงงานฉะเชิงเทรา เปิดเผยทั้งน้ำตาหลังจากกลับมาที่บ้านว่า ทั้งแม่ที่ชื่อนางเป้า วันสนุก น้าที่ชื่อนายลี สนุกบัน และหลานที่ชื่อว่า ด.ช.นที วันสนุก หายไปในช่วงวันเกิดเหตุ เพราะบ้านตั้งอยู่ริมห้วยน้ำลี ได้หายไปพร้อมเพื่อนบ้านอีก 5 หลัง แม้แต่ซากบ้าน(เลขที่ 22/1 หมู่ 6 ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา) ก็ไม่เห็นเพราะช่วงตี 2-3 คนกำลังหลับ และไม่เชื่อว่า มีสัญญาณเตือนภัยใดๆ ทั้งสิ้นเพราะบ้านเรือนตั้งอยู่ห่างกัน

“เท่าที่รู้น้ำต๊ะจาก 100 กว่าหลังคาเรือน มันหายไปกว่า 50 หลัง ส่วนที่น้ำลี เฉพาะเวิ้งริมลำห้วยที่เคยมีบ้านอยู่ 10 กว่าหลัง ขณะนี้หายไปหมดไม่เหลือแม้แต่หลังเดียว นอกจากนี้ยังมีริมชิงเขาจุดอื่น ๆ ที่อยู่ห่างกันไปพอสมควร แต่อยู่ในเขตหมู่บ้านเดียวกันอีกจุดละ 20-30 หลังคาเรือน แต่ละจุดก็เหลือยู่ไม่กี่หลังเช่นกัน”

เช่นเดียวกับ นางน้อย ที่เฝ้าดูพื้นที่ปลูกสวนลางสาดเหมือนกับบ้านอื่นที่ตั้งอยู่ริมห้วย ก็หายวับไปทันที ไม่เหลือสภาพพื้นที่สวนให้เห็นอีกต่อไป และที่นาของพื้นบ้านริมห้วย ชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.49 ฝนตกหนักผิดปกติ ตั้งแต่บ่าย 3 โมงจนกระทั่งเที่ยงคืน กระทั่งช่วงตี 3 โคลนถล่ม หลายคนไม่ตื่นและตายหลายคน ในย่านนี้มีคนรอด ก็แค่เด็กคนเดียวที่ถูกพัดติดฝั่งริมป่าไม้

“สิ่งที่อยากได้ตอนนี้ คือ บ้านเรือนใหม่ และที่ทำกิน เพราะที่ดินเดิม กลายเป็นเวิ้งลำห้วย ไปหมดแล้ว สิ่งของอุปโภคบริโภคที่ส่งมาถึงมือชาวบ้าน แต่เงินบริจาคขอร้องว่าอย่าให้กับผู้นำชุมชนเพราะไม่ถึงต้องนำมาให้ถึงมือที่บ้านน้ำลีดีกว่า”

เช่นเดียวกับเหตุการณ์คนบ้านน้ำต๊ะ ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา ซึ่งอยู่ถัดออกไปนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกันคือ น้ำป่าทะลักจากลำห้วยเข้าสู่บ้านเรือนในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง บ้านที่ปลูกอยู่ริมห้วยเพื่อทำสวนลางสาดและทุเรียนพังเสียหายทันที

ขณะที่เส้นทางสะพานเชื่อมเข้าตัวอำเภอท่าปลา ไม่ต่ำกว่า 2 แห่ง หากยังไม่รับการช่วยเหลือหรือซ่อมแซมเร่งด่วน แม้น้ำกำลังเชี่ยว และท้องน้ำนั้นกว้างมาก พื้นที่แถบนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่บางบ้านบางหลังอาจรอด เพราะแม้มีเส้นทางคมนาคมอีกเส้นทางแต่ก็เป็นดินลูกรังไม่สามารถผ่านได้ในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะเส้นทางที่ขึ้นไป หมู่บ้านน้ำต๊ะ ต.น้ำหมัน อ.ท่าปลา ถูกโคลนถล่มปิดเส้นทางไม่สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้เช่นกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น