เชียงราย - ญาติ “ครูจุ้ย” 1 ในเหยื่อไฟใต้ที่ถูกชาวบ้าน “กูจิงรือปะ” จับเป็นตัวประกันก่อนทำร้ายจนอาการสาหัสร่วมวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยครูสาว ซึ่งเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ทำพิธีเรียกขวัญถึงแม้ความหวังจะน้อย
กรณีที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกูจิงรือปะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ประมาณ 500 คน บุกเข้าปิดล้อมโรงเรียนบ้านกูจิงรือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ และจับกุมครูชาย-หญิงและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 13 คนเป็นตัวประกันเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2549 ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาย 1 คน หญิง 12 คน โดยมี นายอสมาน มุวรรณสินธุ์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน
จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้ควบคุมตัวครูทั้งหมดมาที่บริเวณห้องละหมาด ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกูจิงรือปะ ต่อมาครูผู้หญิงทั้ง 2 คน คือ น.ส.ศิรินาถ ถาวรสุข อายุ 30 ปี เป็นครูอัตราจ้าง และ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล หรือ “ครูจุ้ย” อายุ 27 ปี ข้าราชการครูบรรจุใหม่ โดยทั้ง 2 คนถูกทำร้ายทุบด้วยของแข็งที่บริเวณใบหน้า ท้ายทอย และศีรษะเลือดอาบ อาการสาหัสต้องช่วยชีวิตเร่งด่วนนั้น
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 114/10 บ้านปงน้อยใต้ กิ่ง อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านของบิดา มารดา น.ส.จูหลิง ปงกันมูล ซึ่งพบว่ามีญาติพี่น้องกว่า 20 คนอยู่ในบ้าน โดยสภาพบ้านพักอาศัยเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ทั้งหมดกำลังรอฟังข่าวจากสื่อแขนงต่างๆ ในเรื่องการช่วยชีวิต น.ส.จูหลิง กันอย่างโศกเศร้า บางคนถึงกับร้องห่มร้องไห้กอดรูปถ่ายของ “ครูจุ้ย”
นางแสงหล้า พรหมเมือง อายุ 43 ปี น้าสาวของครูจุ้ย เล่าว่า เมื่อเช้าวันที่ 19 พ.ค.2549 ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคณะทำงานของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางมารับตัว นายสุน ปงกันมูล อายุ 60 ปี กับนายคำมี ปงกันมูล อายุ 59 ปี บิดามารดาของน้องจุ้ย พร้อมญาติอีกคน คือ นางสายรุ้ง อินทร์เทพ เจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์ในพื้นที่ เดินทางด้วยรถไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงราย เพื่อไปเยี่ยมดูการของน้องจุ้ย ที่โรงพยาบาลใน จ.สงขลา แล้ว พร้อมรับปากว่าจะให้การช่วยเหลือเต็มที่และต้องการให้พ่อแม่ไปดูอาการของน้องจุ้ย ที่อาการหนัก หลังจากถูกกลุ่มชาวบ้านทำร้าย ซึ่งพ่อแม่เสียใจมาก เพราะมีลูกสาวคนเดียว
ทั้งนี้ พวกญาติๆ ทุกคนต่างเสียใจกันมาก และวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ช่วยชีวิตน้องจุ้ย ให้กลับมาหายดี เพราะน้องจุ้ยเป็นความหวังของครอบครัวนี้ เพราะเป็นลูกสาวคนเดียว และน้องจุ้ย เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง รักงานศิลปะ ชอบวาดภาพ ในบ้านมีภาพวาดจำนวนมากทั้งภาพวาดสีน้ำมัน ซึ่งมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย
“น้องจุ้ย ค่อนข้างรักเด็ก เรียนจบเมื่อปี 2547 ได้ไปทำงานวาดภาพที่สงขลา และนราธิวาส เพราะมีเพื่อนที่เรียนหนังสือด้วยกันที่นั่น ต่อมามีการรับสมัครครู จึงสมัครแล้วได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครู เมื่อ 6 เดือนก่อนได้เงินเดือน 8-9 พันบาท แล้วได้ไปสอนหนังสือให้กับนักเรียนในพื้นที่โดยจะเดินทางจากบ้านพักที่ จ.นราธิวาส ด้วยจักรยานยนต์ ระยะทางไปกลับราว 20 กิโลเมตรทุกวันเพื่อสอนหนังสือ” ญาติคนหนึ่งเล่า
พร้อมกับเล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย.2549 ที่ผ่านมา น้องจุ้ย ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน พอกลับก็ได้รับหลานและน้าไปเที่ยวที่ จ.นราธิวาส ด้วย
“อยากให้ทางราชการช่วยเหลือเต็มที่ เพราะหากขาดน้องจุ้ยไป ครอบครัวนี้ต้องลำบากแน่ เพราะมีหนี้สินจากการกู้เงินมาเรียนอีกนับแสนบาท และพ่อแม่ก็แก่ชรามากแล้ว ทำนาทำไร่ ไม่ค่อยไหว”
ด้าน นางพูนสุข คณะรัตน์ อายุ 42 ปี น้าของน้องจุ้ย อยากให้รัฐบาลเข้าไปดูแลปัญหาภาคใต้ให้จริงจัง และไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ หรือใครที่เข้าไปทำงานเพื่อประเทศชาติต้องมาถูกทำร้ายแบบนี้อีก หากพบคนร้ายให้ลงโทษให้เด็ดขาดด้วย เพราะอาชีพครูไปช่วยสอนคนให้มีความรู้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งไม่ควรจะต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงเลย
สำหรับบรรยากาศที่บ้านพัก มีชาวบ้านมาจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งวัน และญาติๆได้นำเสื้อผ้าของน้องจุ้ย มาทำพิธีเรียกขวัญคืนตามความเชื่อและมีการจุดธูปไหว้พระภูมิเจ้าที่เพื่อที่จะให้ จุ้ย หายดี ถึงแม้ตามข่าวจะระบุว่าอาการจะหนักต้องรอปาฏิหาริย์เท่านั้น
มีรายงานว่า ขณะนี้คณะแพทย์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ได้แถลงถึงอาการของครูจูหลิง ซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู ว่า ไม่รู้สึกตัว และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพราะหายใจเองไม่ได้ มีสภาวะเกล็ดเลือดต่ำ จากการเสียเลือดมาก มีบาดแผลขนาดใหญ่โดยรอบศีรษะและคอ มีรอยช้ำขนาดใหญ่ที่คอและด้านหลัง ตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า มีการแตกร้าวยุบตัวของกะโหลกศีรษะ สมองบวมมาก ทั่วไปหมด มีรอยช้ำและเลือดออกของก้านสมอง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาเนื่องหายใจเองไม่ได้ มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่คณะแพทย์จะพยายามเต็มที่


