กปร.ร่วมกับกรมชลประทาน และจังหวัดเชียงใหม่ จัดทำแผนแก้ปัญหาแล้งซ้ำซากเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ พร้อมตั้งศูนย์ศิลปาชีพให้อาชีพประชาชนในพื้นที่อำเภอดอยเต่า ตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องความรู้และเพิ่มความสามารถในการประกอบอาชีพของประชาชนให้มีรายได้ที่พอเพียงและสามารถพึ่งพาตนเองได้
นายสมพล พันธุ์มณี เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยถึงโครงการดอยเต่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ไข สำนักงาน กปร.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดทำแผนงานการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 งานหลักด้วยกัน คือ
1.เป็นเรื่องการขาดแคลนน้ำ ปัญหาคือความแห้งแล้งซ้ำซาก เนื่องจากพื้นที่มีการถูกทำลายไปมาก แม้จะมีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่อยู่แล้วหลายแห่ง แต่มีปัญหาเรื่องการไหลของน้ำที่จะลงสู่อ่างเก็บน้ำช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างใหญ่ที่มีความจุ กว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้น้ำเพื่อการบริโภคและอุปโภคและเพื่อการเกษตรของประชาชนในพื้นที่มีไม่เพียงพอกับความต้องการ
ด้งนั้น กรมชลประทาน สำนักงาน กปร.และจังหวัดเชียงใหม่ จึงร่วมกันวางแนวทางเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยการทำโครงการผันน้ำจากแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากไปยังพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำน้อย และจะเริ่มดำเนินการในปี 2549 นี้ ซึ่งได้จัดทำแผนแม่บทเสร็จสมบูรณ์แล้ว และต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เร่งดำเนินงานตามแผนต่อไป
2.การปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยจะดำเนินการแบบควบคู่กันไปกับการจัดระบบการเก็บกักน้ำ เนื่องจากหากไม่มีป่าไม้ให้ความชุ่มชื่นในพื้นที่อย่างเพียงพอแล้ว อ่างเก็บน้ำก็คงจะไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ดีเท่าที่ต้องการ ในการนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งนี้ จะเน้นพื้นที่ที่เรียกว่า หลังคารับน้ำ โดยการนำแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่ามาใช้ในการดำเนินการในพื้นที่ โดยการจัดสร้างชะลอความชุ่มชื้น หรือcheck dam เพื่อชะลอการไหลของน้ำ ดักตะกอนและสร้างความชื้นในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น
3.รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ และให้ความสำคัญกับการประกอบอาชีพ โดยสำนักงาน กปร.จะดำเนินงานตามแนวพระราชดำริใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่จะให้มีการฝึกอาชีพให้แก่ประชาชนด้วยการจัดตั้งเป็นศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องความรู้และเพิ่มความสามารถในการประกอบอาชีพของประชาชนให้มีรายได้ที่พอเพียงและสามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป
“เพื่อให้การดำเนินงานในโครงการดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว สำนักงาน กปร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อรองรับการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ 2 ระดับด้วยกันคือระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ โดยในพื้นที่นั้นจะมีนายอำเภอ เป็นประธานคณะกรรมการ และจะมีการจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพขึ้นมา เพื่อฝึกอาชีพให้กับราษฎรในพื้นที่ และเพื่อให้งานในโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจรและมีความยั่งยืน โครงการดอยเต่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะดำเนินงานตามแผนงานที่ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี” นายสมพล กล่าว
สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ทางสำนักงาน กปร.จะมีการจัดงาน นิทรรศการสัญจร ขึ้นในระหว่างวันที่ 7-17 มิถุนายน 2549 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับผลงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สำคัญๆ พร้อมทั้งผลสำเร็จในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการถ่ายทอดสู่ประชาชนในพื้นที่ที่นำไปปฏิบัติใช้ และประสบความสำเร็จมาแสดงอีกด้วย
นายสมพล พันธุ์มณี เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยถึงโครงการดอยเต่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ประชาชนในพื้นที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปแก้ไข สำนักงาน กปร.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดทำแผนงานการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 งานหลักด้วยกัน คือ
1.เป็นเรื่องการขาดแคลนน้ำ ปัญหาคือความแห้งแล้งซ้ำซาก เนื่องจากพื้นที่มีการถูกทำลายไปมาก แม้จะมีอ่างเก็บน้ำในพื้นที่อยู่แล้วหลายแห่ง แต่มีปัญหาเรื่องการไหลของน้ำที่จะลงสู่อ่างเก็บน้ำช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอ่างใหญ่ที่มีความจุ กว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้น้ำเพื่อการบริโภคและอุปโภคและเพื่อการเกษตรของประชาชนในพื้นที่มีไม่เพียงพอกับความต้องการ
ด้งนั้น กรมชลประทาน สำนักงาน กปร.และจังหวัดเชียงใหม่ จึงร่วมกันวางแนวทางเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยการทำโครงการผันน้ำจากแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากไปยังพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำน้อย และจะเริ่มดำเนินการในปี 2549 นี้ ซึ่งได้จัดทำแผนแม่บทเสร็จสมบูรณ์แล้ว และต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้เร่งดำเนินงานตามแผนต่อไป
2.การปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยจะดำเนินการแบบควบคู่กันไปกับการจัดระบบการเก็บกักน้ำ เนื่องจากหากไม่มีป่าไม้ให้ความชุ่มชื่นในพื้นที่อย่างเพียงพอแล้ว อ่างเก็บน้ำก็คงจะไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ดีเท่าที่ต้องการ ในการนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปดำเนินการในเรื่องนี้ ทั้งนี้ จะเน้นพื้นที่ที่เรียกว่า หลังคารับน้ำ โดยการนำแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่ามาใช้ในการดำเนินการในพื้นที่ โดยการจัดสร้างชะลอความชุ่มชื้น หรือcheck dam เพื่อชะลอการไหลของน้ำ ดักตะกอนและสร้างความชื้นในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้น
3.รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ และให้ความสำคัญกับการประกอบอาชีพ โดยสำนักงาน กปร.จะดำเนินงานตามแนวพระราชดำริใน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่จะให้มีการฝึกอาชีพให้แก่ประชาชนด้วยการจัดตั้งเป็นศูนย์ศิลปาชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือเรื่องความรู้และเพิ่มความสามารถในการประกอบอาชีพของประชาชนให้มีรายได้ที่พอเพียงและสามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไป
“เพื่อให้การดำเนินงานในโครงการดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว สำนักงาน กปร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อรองรับการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ 2 ระดับด้วยกันคือระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ โดยในพื้นที่นั้นจะมีนายอำเภอ เป็นประธานคณะกรรมการ และจะมีการจัดตั้งศูนย์ศิลปาชีพขึ้นมา เพื่อฝึกอาชีพให้กับราษฎรในพื้นที่ และเพื่อให้งานในโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจรและมีความยั่งยืน โครงการดอยเต่า อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะดำเนินงานตามแผนงานที่ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี” นายสมพล กล่าว
สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ทางสำนักงาน กปร.จะมีการจัดงาน นิทรรศการสัญจร ขึ้นในระหว่างวันที่ 7-17 มิถุนายน 2549 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภายในงานจะมีกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับผลงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สำคัญๆ พร้อมทั้งผลสำเร็จในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการถ่ายทอดสู่ประชาชนในพื้นที่ที่นำไปปฏิบัติใช้ และประสบความสำเร็จมาแสดงอีกด้วย