อุบลราชธานี – น้ำมันแพงกระทบปั๊มเล็กในอุบลราชธานี ปิดตัวระนาว การค้าภายในอุบลฯ เผยปิดไปแล้วกว่า 10 ปั๊ม ชี้จากผลกระทบราคาน้ำมันแพงยังส่งผลต่อเนื่องทำให้การค้าขายตามแนวชายแดนไทย-ลาวต้องซบเซาไปด้วย คาดจะมีผลกระทบต่อการค้าระหว่าง 2 ประเทศถึง 3 พันล้านต่อปี ประธานหอฯอุบลราชธานี ระบุภาวะราคาน้ำมันแพง มีผลทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนภายในประเทศลดลงเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจกับภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น
นายสัญชัย พระธานี การค้าภายใน จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ทำให้ผู้ค้าน้ำมันรายย่อยในจังหวัด ต้องปิดปั๊มจำหน่ายน้ำมันไปแล้วกว่า 10 แห่ง เพราะผู้ค้าน้ำมันไม่คุ้มค่ากับราคาน้ำมันที่ขยับตัวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทุกวัน ยังมีผลกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-ลาว เพราะนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้า ทำให้บรรยากาศการค้าขายสินค้าตามแนวชายแดนที่ด่านพรมแดนช่องเม็กซบเซาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คาดว่า จะมีผลกระทบต่อปริมาณการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่มีมูลค่ารวมปีละเกือบ 3,000 ล้านบาท
นายวุฒิชัย บุญประเสริฐ ผู้จัดการบริษัทอินโดจีนชิปปิ้ง จำกัด ซึ่งประกอบอาชีพรับจ้างขนส่งสินค้าภาคการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันแพง เพราะไม่สามารถขึ้นราคาค่าขนส่งได้ในขณะนี้ ประกอบกับการขนส่งสินค้าภาคการเกษตร เป็นการขนส่งเที่ยวขาไป ส่วนขากลับต้องวิ่งรถเปล่า จึงเกิดเป็นต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทใช้วิธีลดจำนวนรถบรรทุกวิ่งขนส่งสินค้าจากจำนวน 6 คัน เหลือเพียง 2 คัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ถ้าภาครัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุก อนาคตอาจไม่เหลือผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกรายย่อยในภาคอีสานอยู่เลยก็ได้
นายชวลิต องควนิช ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ภาวะราคาน้ำมันแพง มีผลทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนภายในประเทศลดลง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจกับภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ส่วนประชาชนที่เป็นผู้บริโภค จะเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้มีผลกระทบกับยอดการจำหน่ายสินค้าของบริษัทต่างๆ แต่ จ.อุบลราชธานี ยังได้เปรียบเรื่องการท่องเที่ยว เพราะมีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวและถนนในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งประเทศลาว และกัมพูชาให้เอื้อต่อการลงทุน ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้จังหวัดเติบโตได้
ด้านนายมังกร ใสงาม พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงการค้าระหว่างไทยลาวว่า ปี 2549 นักธุรกิจไทยมีการลงนามซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าภาคการเกษตรเพิ่มเติมจากลาวอีก 5 รายการ จากที่เคยมีการลงนามซื้อไว้แล้วเมื่อปี 2548 จำนวน 7 รายการ เป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้าเพิ่มเติมอีกคือ ข้าวโพดหวาน ฝ้าย ขิง ลูกเดือย และผักกาดขาว คิดเป็นมูลการค้าราว 600 ล้านบาท โดยนักธุรกิจไทยมีจุดประสงค์นำสินค้าภาคเกษตรของลาวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างไทย-ลาวครั้งนี้ จึงเป็นความร่วมมือของนักลงทุนท้องถิ่นทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนามูลค่าการค้าตามชายแดนให้มีความมั่นคงมากขึ้น
นายสัญชัย พระธานี การค้าภายใน จ.อุบลราชธานี กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ทำให้ผู้ค้าน้ำมันรายย่อยในจังหวัด ต้องปิดปั๊มจำหน่ายน้ำมันไปแล้วกว่า 10 แห่ง เพราะผู้ค้าน้ำมันไม่คุ้มค่ากับราคาน้ำมันที่ขยับตัวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทุกวัน ยังมีผลกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดนไทย-ลาว เพราะนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้า ทำให้บรรยากาศการค้าขายสินค้าตามแนวชายแดนที่ด่านพรมแดนช่องเม็กซบเซาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คาดว่า จะมีผลกระทบต่อปริมาณการค้าระหว่าง 2 ประเทศที่มีมูลค่ารวมปีละเกือบ 3,000 ล้านบาท
นายวุฒิชัย บุญประเสริฐ ผู้จัดการบริษัทอินโดจีนชิปปิ้ง จำกัด ซึ่งประกอบอาชีพรับจ้างขนส่งสินค้าภาคการเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันแพง เพราะไม่สามารถขึ้นราคาค่าขนส่งได้ในขณะนี้ ประกอบกับการขนส่งสินค้าภาคการเกษตร เป็นการขนส่งเที่ยวขาไป ส่วนขากลับต้องวิ่งรถเปล่า จึงเกิดเป็นต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทใช้วิธีลดจำนวนรถบรรทุกวิ่งขนส่งสินค้าจากจำนวน 6 คัน เหลือเพียง 2 คัน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ถ้าภาครัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุก อนาคตอาจไม่เหลือผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกรายย่อยในภาคอีสานอยู่เลยก็ได้
นายชวลิต องควนิช ประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ภาวะราคาน้ำมันแพง มีผลทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนภายในประเทศลดลง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจกับภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น ส่วนประชาชนที่เป็นผู้บริโภค จะเริ่มระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้มีผลกระทบกับยอดการจำหน่ายสินค้าของบริษัทต่างๆ แต่ จ.อุบลราชธานี ยังได้เปรียบเรื่องการท่องเที่ยว เพราะมีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน หากมีการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวและถนนในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งประเทศลาว และกัมพูชาให้เอื้อต่อการลงทุน ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวจะช่วยสร้างเศรษฐกิจให้จังหวัดเติบโตได้
ด้านนายมังกร ใสงาม พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวถึงการค้าระหว่างไทยลาวว่า ปี 2549 นักธุรกิจไทยมีการลงนามซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าภาคการเกษตรเพิ่มเติมจากลาวอีก 5 รายการ จากที่เคยมีการลงนามซื้อไว้แล้วเมื่อปี 2548 จำนวน 7 รายการ เป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้าเพิ่มเติมอีกคือ ข้าวโพดหวาน ฝ้าย ขิง ลูกเดือย และผักกาดขาว คิดเป็นมูลการค้าราว 600 ล้านบาท โดยนักธุรกิจไทยมีจุดประสงค์นำสินค้าภาคเกษตรของลาวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างไทย-ลาวครั้งนี้ จึงเป็นความร่วมมือของนักลงทุนท้องถิ่นทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนามูลค่าการค้าตามชายแดนให้มีความมั่นคงมากขึ้น