ศูนย์ข่าวศรีราชา - "จุฬาราชมนตรี" เปิดมัสยิดอัลฮุดา แหล่งหล่อหลอม เรียนรู้ แหล่งพัฒนาการทางด้านศาสนา แห่งแรกในอำเภอสัตหีบ
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดมัสยิดอัลฮุดา บริเวณทางเข้ากรมทหารปืนใหญ่ บ้านเตาถ่าน ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีนายสุนทร สุรี ผู้จัดการสายการบินเอมเรตส์ ประจำประเทศไทย พม่า กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ประธานกรรมการจัดหาทุนสร้างและประธานจัดงานให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า จุดประสงค์ในการพัฒนามาแล มาเป็นการก่อสร้างมัสยิดแห่งแรกในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากอำเภอสัตหีบ เป็นอำเภอขนาดใหญ่ มีประชากรอาศัยอยู่กันกระจัดกระจายทุกพื้นที่ ในจำนวนนี้มีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนหนึ่ง นอกจากประชากรมุสลิม ยังมีข้าราชการและพลทหารที่นับถือศาสนาอิสลามที่เข้ามารับราชการเป็นทหารกองประจำการ หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบและใกล้เคียง
โดยในปัจจุบันในเขตภาคใต้จะมีปัญหาในหลายด้านและถูกนำเรื่องการแบ่งแยกทางด้านการนับถือศาสนามาเป็นประเด็นสำคัญ แต่ก็ไม้ประชาชนชายไทยที่นับถืออิสลามจากภาคใต้เข้ามาเป็นพลทหารผลัดละประมาณ 500 ถึง 600 คน ซึ่งในพื้นที่อำเภอสัตหีบในอดีตไม่มีศาสนาสถานในการประกอบศาสนกิจและศึกษาแก่นแท้ของศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะบุตร หลาน เยาวชน ที่ยังขาดการศึกษาทางด้านศาสนา ซึ่งการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญอันสูงสุดในการนำพาเยาวชนไปสู่การพัฒนาการในทุกด้านและพวกเขาจะเป็นกำลังสำคัญที่จะพัฒนาสังคม ประเทศชาติไปสู่ความเจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต มัสยิดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนโรงเรียนสอนสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์
นอกจากนี้ มิสยิดแห่งนี้ยังเป็นโรงเรียนสำหรับหล่อหลอมเหล่านักรบมุสลิม ที่นับถืออิสลามให้สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนก็คือ ได้รับการอบรม สั่งสอน ขัดเกลาจิตใจให้เข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาซึ่งสั่งสอนให้เป็นคนดี มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ควบคู่ไปกับการฝึกให้เป็นนักรบที่สมบูรณ์แบบ เพราะชายไทยที่นับถือศาสนาอิสลามถูกฝึกให้เป็นนักรบแต่เพียงร่างกายก็จะเป็นอันตรายต่อสังคมและแผ่นดินไทย แต่ถ้านักรบเหล่านี้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็คงยากที่กลุ่มที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติจะใช้เงินซื้อตัว ซื้อความสามารถพิเศษไปได้อย่างแน่นอน
พลเรือโท สีวิชัย สิริสาลี ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กล่าวว่า สำหรับมิสยิดแห่งนี้ ได้มีความสำคัญต่อหน่วยงานของกองทัพเรือในพื้นที่สัตหีบและใกล้เคียงอย่างมาก เพราะข้าราชการและพลทหารที่นับถือศาสนาอิสลามได้มาใช้ประกอบศาสนกิจ ไม่ต้องเดินทางไปยังเมืองพัทยาหรือมาบตาพุดจังหวัดระยอง ถือได้ว่าเป็นโรงเรียนสอนศาสนา เป็นเบ้าหลอมให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้เรียนรู้ ศึกษาแก่นแท้ของศาสนาได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่เบี่ยงเบนพฤติกรรม
หรือมีการปรุงแต่งให้ผู้ที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาเข้าใจผิดแนวทางของศาสนา ซึ่งในแต่ละปี กองทัพเรือมีพลทหารนับพันคนที่เข้ามาประกอบศาสนกิจทางศาสนา หรือระหมาด และหน่วยทหารได้เชิญครูสอนศาสนาไปให้ความรู้ทหาร อีกทั้งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อแก้ไขปัญหากันอยู่ตลอดเวลา นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ และไทยอิสลามช่วยกันรักษาไว้เป็นโรงเรียนสำหรับเยาวชน ประชาชนทุกคน