ชี้"เชียงใหม่ฮับ"ส่งผลดีท่องเที่ยวลาวเชื่อลงทุนโรงแรม "เวียงจันทน์" สดใส

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นักธุรกิจท่องเที่ยวไทยในเวียงจันทน์ เชื่อโครงการผลักดันเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวลาว โดยเฉพาะการเชื่อมโยเส้นทางการท่องเที่ยวสองวัฒนธรรม "ล้านนา-ล้านช้าง" ที่มีความคล้ายคลึงกัน ขณะเดียวกันชี้แนวโน้มธุรกิจโรงแรมในลาว มีอนาคตสดใส เหตุจำนวนห้องพักยังไม่เพียงพอกับความต้องการ

นางสุภา ศิริพานิช ผู้จัดการฝ่ายโรงแรมและวีไอพีเซอร์วิส แดนสวรรค์ น้ำงึมรีสอร์ต ที่ทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต ในเวียงจันทน์ นครหลวง ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) แสดงความเห็นต่อโครงการพัฒนาผลักดันจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค(ฮับ) ว่า น่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเชื่อมโยง การเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งน่าจะเป็นผลดี ต่อการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเชียงใหม่ กับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในลาวด้วย ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนา และบุกเบิกเส้นทางการท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ ที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระหว่างทั้ง 2 ประเทศได้อย่างดียิ่ง

ทั้งนี้เพราะเชียงใหม่ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ทั้งทางด้านความสวยงามตามธรรมชาติและประวัติศาสตร์วัฒนธรรมประเพณี ที่งดงามตามแบบล้านนา ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ขณะที่ลาวเองก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเช่นกัน จากการที่มีจุดเด่นทางด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีแบบล้านช้าง ที่มีความใกล้เคียงคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมล้านนา และอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวเช่นกัน

ดังนั้น หากการเดินทางสะดวกน่าจะช่วยต่อยอดการท่องเที่ยว และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกันได้ไม่ยาก ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างทางเลือกที่หลากหลายทางการท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

"เมื่อเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค น่าจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวลาวมาก พอสมควรเพราะเราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่าเชียงใหม่เป็นจุดหมายทางการท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว หากการเดินทางไปมากับประเทศลาวสะดวก ก็น่าจะเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอยากเดินทางท่องเที่ยวต่อมากขึ้น ทั้งการเดินทางไปเที่ยวเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง"นางสุภา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า หากจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในลาวอย่างจริงจัง ยังมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน อีกหลายด้าน โดยเฉพาะเส้นทางการเดินทางคมนาคมในประเทศที่ยังไม่สะดวกสบายมากนัก แต่ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่า ด้วยจุดเด่นทางวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ที่ยังคงอยู่ในแบบดั้งเดิม น่าจะเป็นเสน่ห์ที่มากพอจะดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวได้

ขณะเดียวกันนางสุภา กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจโรงแรมในเวียงจันทน์ว่า ปัจจุบันในนครเวียงจันทน์ มีห้องพักทุกระดับตั้งแต่เกสต์เฮาส์ ไปจนถึงโรงแรมระดับหรูรวมกัน ไม่เกิน 10,000 ห้อง ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวที่มีราคาห้องพักเฉลี่ยประมาณวันละ 1,000 บาท ส่วนจำนวนวันเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8-10 วัน เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยว หรือติดต่อธุระในประเทศลาวต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเพราะการเดินทางไม่ค่อยสะดวกนัก

ลูกค้าที่ใช้บริการห้องพักโรงแรมเกือบทั้งหมด เป็นชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยว หรือติดต่อทำธุรกิจในประเทศลาว ประมาณร้อยละ 80 พบว่าเป็นชาวไทย ที่นิยมเดินทางเข้ามาจัดการประชุมสัมมนาและท่องเที่ยว ขณะที่อีกประมาณร้อยละ 15 เป็นชาวยุโรปที่เดินทางท่องเที่ยว และมักจะปักหลักอยู่เป็นช่วงนานๆ ซึ่งด้วยจำนวนห้องพักที่มีอยู่ในเวลานี้มองว่ายังไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้เข้าพัก ในกรณีที่มีการจัดงานสำคัญๆ

ดังนั้นจึงเชื่อว่าการลงทุนธุรกิจโรงแรมในเวียงจันทน์ ยังน่าจะมีโอกาสและอนาคตที่สดใสอยู่ โดยเฉพาะการลงทุนในโรงแรมระดับ 3 ดาว ซึ่งปัจจุบันกลุ่มที่ลงทุนธุรกิจโรงแรมในลาว จะเป็นนักลงทุนจากจีน เกาหลีใต้ มาเลเซียและไทย เป็นหลัก

"การลงทุนธุรกิจโรงแรมในลาวถือว่า ยังมีโอกาสและแนวโน้มที่ดีอยู่ เพราะปัจจุบันนี้จำนวนห้องพักที่มีอยู่ยังถือว่ามีจำนวนไม่เพียงพอ เนื่องจากเชื่อว่าความต้องการใช้บริการห้องพักโรงแรมในอนาคต จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน จากการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งโอกาสที่ประเทศลาวจะได้เป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญๆ ระดับชาติ เช่น การเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในปี 2009 เป็นต้น ซึ่งคาดว่าห้องพักจะเต็มหมด" นางสุภา กล่าว