xs
xsm
sm
md
lg

ใบเสมาพันปีเมืองฟ้าแดดสงยาง ถูกทำลาย ชี้ฝีมือวัยรุ่นสั่งล่าตัวดำเนินคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ใบเสมาโบราณอายุกว่า 1,500 ปี หลักฐานล้ำค่าแห่งเมืองฟ้าแดดสงยาง
กาฬสินธุ์ - สลด! มือมืดป่วนโบราณสถานบุกทุบทำลายใบเสมาหินทราย พระธาตุยาคู แหล่งรวมประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีอายุกว่า 1,500 ปี เสียหายยับ สำนักงานวัฒนธรรมชี้มือป่วนคือกลุ่มวัยรุ่น นักท่องเที่ยว เตรียมลากคอมาดำเนินคดี

นายกิตติศักดิ์ เชื้อจำรูญ วัฒนธรรมอำเภอกมลาไสย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด้านวัฒนธรรมในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เข้าไปตรวจสอบโบราณสถาน “พระธาตุยาคู” หรือที่เรียกกันว่า เมืองฟ้าแดดสงยาง ซึ่งตั้งอยู่บ้านเสมา ต.หนองแปน อ.กมลาไสย ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 7 กิโลเมตร

การเข้าไปตรวจสอบโบราณสถานดังกล่าว สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวทางโบราณคดีแจ้งว่า ได้มีนักท่องเที่ยว และกลุ่มวัยรุ่นได้นำเอาค้อนและหิน เข้าไปทุบเอาใบเสมาหินทราย นำไปเป็นที่ระลึก

จากการตรวจสอบโบราณสถานพระธาตุยาคู พบว่า ภายในบริเวณนี้มีใบเสมาหินทรายที่แสดงถึงพุทธประวัติมากกว่า 20 ชิ้น ได้ถูกทุบทำลายเกือบทั้งหมด ในขณะที่บริเวณฐานล่างขององค์พระธาตุยาคูยังพบว่ามีร่องรอยการสกัดอิฐจากโบราณสถานออกไปอีกเป็นจำนวนมาก

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การเข้ามาตรวจสอบเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเชิงโบราณคดี ได้แจ้งมายังสำนักงานวัฒนธรรมอำเภอ ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวได้พากันนำค้อนและหินมาทุบสกัดหินทรายออกจากตัวใบเสมาหินทราย และเท่าที่ตรวจสอบใบเสมาบางใบที่มีร่องรอยของพุทธประวัติ พบว่าก็ได้ถูกสกัดออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการทำลายแหล่งประวัติศาสตร์ของชาติ

เนื่องจากการค้นพบใบเสมาตรงบริเวณนี้ เป็นใบเสมาที่พบพร้อมกับองค์พระธาตุยาคู ที่ตามประวัติศาสตร์จะอยู่ในสมัยทวารวดีที่มีอายุกว่า 1,500 ปี โดยเฉพาะในบริเวณแหล่งนี้มีศิลปกรรมร่วมสมัยถึง 3 สมัย ไม่ว่าจะเป็น สมัยทวารวดี สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร์ ที่ถือเป็นประวัติศาสตร์ของแผ่นดินที่ควรค่าต่อการรักษาหวงแหน

“อยากวิงวอนให้นักท่องเที่ยวหรือประชาชนที่เข้ามาเที่ยวชมได้ช่วยกันอนุรักษ์ และสามารถแจ้งเบาะแสของกลุ่มมือดีที่หากพบจะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายทันที” นายกิตติศักดิ์

สำหรับองค์พระธาตุยาคู ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2480 ที่จัดเป็นพระธาตุที่มีความใหญ่และมีความสมบูรณ์ที่สุดในสมัยทวารวดี ที่เปรียบได้กับ ศาสนสถานแบบทวารวดีที่พบในภาคกลาง เช่นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และที่ อ.คูบัว จ.ราชบุรี และภายในบริเวณนี้ ยังถือเป็นเมืองฟ้าแดดสงยาง หรือที่เรียกเพี้ยนเป็นฟ้าแดดสูงยาง ในบางแห่งจะเรียกว่าเมืองเสมา

เนื่องจากแผนผังของเมือง มีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินยาวโดยรอบประมาณ 5 กม. และคูน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่างคันดินทั้งสองและจากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบทำให้ทราบว่า มีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ที่จะมีหลักฐานทางพุทธศาสนาที่ปรากฏ

โดยเฉพาะใบเสมาหินทรายจำหลัก ภาคเรื่องชาดกของพุทธประวัตินั้นพบเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันบางส่วนได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมาราม ต.หนองแปน อ.กมลาไสย และบางส่วนได้ถูกจัดส่งไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จังหวัดขอนแก่น และยังมีอีกมากที่ยังกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์

ด้าน นายกวี กิตติสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในเรื่องของปัญหาวัยรุ่นเข้าทุบทำลายใบเสมาหินทรายในขณะนี้ได้รับรายงานมานานแล้ว และเคยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปดักจับ แต่ในเรื่องนี้คงจะขึ้นอยู่ที่จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้าไปเที่ยวชม

จึงต้องขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวหรือประชาชน กรุณาอย่าทำลายโบราณสถานแห่งนี้ เพราะยิ่งทุบทำลายเท่าไหร่ ประวัติศาสตร์ของแผ่นดินก็จะหมดไป อย่างไรก็ตาม จะมีการประสานไปยังผู้ที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมเข้ามาสำรวจและทำการป้องกันต่อไป
เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นกวนเมืองและนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น