ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจโคราชรวบโจรชิงสร้อยคอทองคำกลางห้างดังเมืองย่าโมได้แล้ว พร้อมของกลางครบและนำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพทันทีคืนนี้ ด้านเจ้าของร้านทองรุดเข้าขอบคุณตำรวจที่สามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืน และเตรียมมอบเงินเป็นรางวัลให้ชาวบ้านผู้แจ้งเบาะแส 1 หมื่นบาท
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ทองรูปพรรณไปจำนวน 7 เส้น น้ำหนัก 21 บาท รวมมูลค่ากว่า 2.1 แสนบาท เมื่อคืนวานนี้ ( 2 ม.ค.) ล่าสุด วันนี้ (3 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ชุดสืบสวนและชุดป้องกันและปราบปราบ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เบาะแสตัวคนร้ายจากการให้ปากคำของพยานในที่เกิดเหตุ และมีพลเมืองดีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกติดตามแกะรอยเพื่อตามจับคนร้ายอย่างเร่งด่วน จนสามารถจับกุมตัวได้ในขณะที่ผู้ต้องหากำลังขับรถนำชาวบ้านไปส่งที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ทราบชื่อคือ นายอภัย หรือ ชัย น้อมกลาง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 6 บ้านอ้อ ต.กำปัง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา
จากการตรวจค้นบ้านพักใน อ.โนนไทย ที่มีนางชะลอ น้อมกลาง ภรรยาของนายอภัย ผู้ต้องหา อาศัยอยู่ภายในบ้าน พบของกลางเป็นสร้อยคอทองคำหนักเส้นละ 3 บาท จำนวน 4 เส้น รวม 12 บาท และเสื้อเชิ้ตที่คนร้ายสวมใส่ในวันก่อเหตุอีก 1 ตัว ซุกซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางดำเนินคดี
นอกจากนี้ ยังได้ตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า หมายเลขทะเบียน บษ 984 นครราชสีมา ของกลางที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนีหลังก่อเหตุ
พ.ต.อ.ประจวบ จันทร์ประวิตร ผู้กำกับการ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ นายอภัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงิน และก่อนหน้านี้ มีอาชีพขายประกันชีวิต และเป็นนายหน้าขายรถมือ 2 แต่เนื่องจากได้นำเงินที่เก็บได้จากการจ่ายเบี้ยประกันของลูกค้าไปใช้หมด จนเป็นหนี้สินกับบริษัทประกันต้องหาเงินมาใช้หนี้ดังกล่าว และไม่มีทางเลือกจึงลงมือก่อเหตุบุกเข้าชิงทองรูปพรรณในร้านทองดังกล่าวขึ้น
เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายอภัย มาฝากขังไว้ที่ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา และแจ้งดำเนินคดีใน ข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ มีโทษทั้งจำและปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายอภัยไปค้นหาของกลางที่ทิ้งไว้ข้างถนนสายด่านขุนทด-โนนไทย อ.ด่านขุนทด ได้มีชาวบ้านจากบ้านอ้อ หมู่ 6 จำนวนกว่า 10 คน เดินทางเข้าพบเพื่อขอทราบความชัดเจนกับ พ.ต.อ.ประจวบ จันทร์ประวิตร ที่ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา เพราะไม่เชื่อว่านายอภัยจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่า นายอภัย เป็นคนดี และไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน ทางบ้านมีฐานะค่อนข้างดี มีที่ดินจำนวนมาก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอภัย ยังได้เงินก้อนใหญ่จากประกันชีวิตของแม่ยายที่เสียชีวิตไป แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดที่ร้านทองบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ เปิดให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้ชม จึงทำให้ชาวบ้านเชื่อว่านายอภัยเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้นจริงและเดินทางกลับ
ขณะที่เจ้าของร้านทองที่เกิดเหตุดังกล่าว ได้นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้กับ พ.ต.อ.ประจวบ จันทร์ประวิตร ผู้กำกับการ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา และทีมงาน เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว และนำสร้อยคอทองคำกลับมาได้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน ทางร้านจะมอบเงินให้กับผู้แจ้งเบาะแสอีกจำนวน 10,000 บาท เป็นของรางวัลและขอบคุณที่ช่วยแจ้งเบาะแสจนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด เวลาประมาณ 20.00 น. วันเดียวกันนี้ (3 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา ได้นำตัวนายอภัย ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในร้านทองที่เกิดเหตุภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อ.เมือง จ.นครราชสีมา