ศูนย์ข่าวศรีราชา - การเจรจาข้อพิพาทม็อบแรงงาน "พานาโซนิค" ต่อเนื่องตลอดสามวันยังนิ่ง ขณะพนักงานเก่าพ้อบริษัทไม่น่าทำแบบนี้กับพนักงาน เผยทุ่มเทแรงกายทำงานให้กว่าค่อนชีวิต แต่พออายุมากกลับคิดลอยแพ
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายอุดม อ้นอมร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/25 ม. 11 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการ อนุกรรมการสหภาพแรงงานมัทสุชิตะ ซึ่งทำงานในตำแหน่ง Supervisor ของบริษัทดังกล่าว ว่า ผลการเจรจาระหว่างนายจ้างและสหภาพแรงงาน ตลอดสามวันที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกิดขึ้น โดยในวันนี้ (9 ธ.ค.) การเจรจาได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 10.30 น.จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติตกลงข้อพิพาทกันได้ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยจากกระทรวงแรงงานมาเข้าร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วย
ขณะที่ นายชาญชัย สารกุล อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 432/50 ม.1 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม.ได้กล่าวถึงข้อพิพาทปัญหาที่เกิดขึ้นภายในบริษัท ว่า ตนทำงานมา 25 ปี ตั้งแต่บริษัทเป็นบริษัท เอพี เนชั่นแนล โดยเริ่มสตาร์ทค่าแรงรายวัน วันละ 45 บาท ด้วยวุฒิ มศ.5 (ม.8) หรือ ม.6 ในปัจจุบันทำงานอยู่ในแผนก ตรวจสอบ part (ชิ้นส่วนอะไหล่ที่จะนำมาประกอบหม้อหุงข้าวและกระติกน้ำร้อน) ตำแหน่ง Leader ได้รับเงินเดือน 14,380 บาท ไม่รวมค่าสวัสดิการ ค่าอาหารกลางวันและเบี้ยขยัน
ตลอดชีวิตการทำงานกว่า 25 ปีที่ผ่านมา ตนรักองค์กรนี้มากและคิดว่าจะประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวในบริษัทแห่งนี้ตลอดไปจนกว่าจะปลดเกษียณที่บริษัทนี้ ถึงตอนนี้เราจึงเกิดความไม่มั่นใจว่าบริษัทจะรับเรากลับเข้าทำงานประกอบอาชีพใช้ชีวิตต่อในโรงงานอีกหรือไม่ ที่ผ่านมาได้ทุ่มเททำงานให้กับบริษัทผ่านมรสุมด้านแรงงานมามาก แม้ว่าจะขึ้นค่าแรงให้ปีละสองร้อยบาทก็ตาม
เวลามีงานเร่งด่วน หรือโอที ก็ทุ่มเททำให้โดยไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่วันเดียวในหนึ่งเดือนก็ยังทำ ตนใช้ชีวิตในโรงงานมากกว่า 80% ที่จะอยู่ที่บ้าน เพราะตนตื่นนอนตอนตีห้าสี่สิบนาที หลังจากนั้น ได้เตรียมตัวมาขึ้นรถรับส่งพนักงานในเวลา 06.30 น.และเดินทางมาถึงบริษัทในเวลา 07.50 น.และเลิกงานในเวลา 17.15 น. แต่ก็ต้องทำโอทีต่อจนถึงเวลา 20.15 น. และเดินทางกลับถึงบ้านในเวลา 22.20 น. หรือบางครั้งมีงานเร่งด่วนก็ต้องทำโอทีจนถึง 22.15 น. เดินทางกลับถึงบ้านในเวลาประมาณเที่ยงคืน
นอกจากนี้ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังต้องมาทำงานโอทีในวันหยุดอีกหากทางบริษัทมีงานเร่งด่วน เราทุ่มเททำงานให้กับบริษัทขนาดนี้ ทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนี้ได้ และในเช้าวันที่ 6 ธ.ค.2548 เมื่อเดินทางมาถึงที่ทำงานและตนได้พยายามที่จะเข้าไปทำงาน แต่ทางบริษัทกลับมาปิดโรงงานไม่ให้พนักงานเข้า ทั้งที่ตนได้แต่งตัวตั้งใจมาทำงานอย่างเต็มที่ครั้งแรกก็ยังไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร เพราะยังไม่มีคณะกรรมการ หรือตัวแทนสหภาพและหรือตัวแทนฝ่ายนายจ้างออกมาชี้แจง
จนมาทราบภายหลังที่มีการติดประกาศ ไม่จ้างสมาชิกสหภาพแรงงานจากทางบริษัท ทั้งที่ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยทำอะไรเสียหายต่อบริษัท จึงมีความรู้สึกน้อยใจต่อผู้บริหารบริษัทที่เราทุ่มเททำงานให้ขนาดนี้ยังทำกับพวกเราได้ และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ตนทำงานมาตลอดชีวิต เพราะทั้งชีวิตนี้ตนมีอยู่แค่ 2 ที่ คือ ที่บ้านและอยู่ภายในโรงงานเท่านั้น ด้านความมั่นคงในการทำงานตนไม่แน่ใจว่าจะได้รับการถ่ายโอนไปยังบริษัทใหม่หรือไม่ เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทใหม่ พนักงานเก่าที่อยู่มานานจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการคงเดิมหรือไม่ เพราะมีการกำหนดระเบียบข้อบังคับของบริษัทใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
ทั้งนี้ การชุมนุมของพนักงานบริษัท มัทสุชิตะ โฮม แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท มัทสุชิตะเรกิ ริฟริกเจอเรเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อ “พานาโซนิค” ตั้งอยู่เลขที่ 7 ม.5 ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เกิดขึ้นหลังจากทางบริษัทได้นำโซ่มาปิดล็อกคล้องประตูทางเข้าโรงงานไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าไปทำงานภายในบริษัท ตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 6 ธ.ค.2548 สาเหตุจากการเกิดข้อพิพาทแรงงานขึ้นระหว่างสหภาพแรงงาน และนายจ้าง เกี่ยวกับข้อเรียกร้องระหว่างกันโดยทางสหภาพแรงงาน ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อทางบริษัทไปจำนวน 15 ข้อ และทางบริษัทได้ยื่นข้อเรียกร้องกลับต่อทางสหภาพมา 13 ข้อ ซึ่งมีความขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
โดยทางบริษัทอ้างความจำเป็นถึงภาวะทางเศรษฐกิจ และความอยู่รอดขององค์กร
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายอุดม อ้นอมร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/25 ม. 11 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระปะแดง จ.สมุทรปราการ อนุกรรมการสหภาพแรงงานมัทสุชิตะ ซึ่งทำงานในตำแหน่ง Supervisor ของบริษัทดังกล่าว ว่า ผลการเจรจาระหว่างนายจ้างและสหภาพแรงงาน ตลอดสามวันที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกิดขึ้น โดยในวันนี้ (9 ธ.ค.) การเจรจาได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 10.30 น.จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถหาข้อยุติตกลงข้อพิพาทกันได้ ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยจากกระทรวงแรงงานมาเข้าร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้วย
ขณะที่ นายชาญชัย สารกุล อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 432/50 ม.1 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม.ได้กล่าวถึงข้อพิพาทปัญหาที่เกิดขึ้นภายในบริษัท ว่า ตนทำงานมา 25 ปี ตั้งแต่บริษัทเป็นบริษัท เอพี เนชั่นแนล โดยเริ่มสตาร์ทค่าแรงรายวัน วันละ 45 บาท ด้วยวุฒิ มศ.5 (ม.8) หรือ ม.6 ในปัจจุบันทำงานอยู่ในแผนก ตรวจสอบ part (ชิ้นส่วนอะไหล่ที่จะนำมาประกอบหม้อหุงข้าวและกระติกน้ำร้อน) ตำแหน่ง Leader ได้รับเงินเดือน 14,380 บาท ไม่รวมค่าสวัสดิการ ค่าอาหารกลางวันและเบี้ยขยัน
ตลอดชีวิตการทำงานกว่า 25 ปีที่ผ่านมา ตนรักองค์กรนี้มากและคิดว่าจะประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวในบริษัทแห่งนี้ตลอดไปจนกว่าจะปลดเกษียณที่บริษัทนี้ ถึงตอนนี้เราจึงเกิดความไม่มั่นใจว่าบริษัทจะรับเรากลับเข้าทำงานประกอบอาชีพใช้ชีวิตต่อในโรงงานอีกหรือไม่ ที่ผ่านมาได้ทุ่มเททำงานให้กับบริษัทผ่านมรสุมด้านแรงงานมามาก แม้ว่าจะขึ้นค่าแรงให้ปีละสองร้อยบาทก็ตาม
เวลามีงานเร่งด่วน หรือโอที ก็ทุ่มเททำให้โดยไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่วันเดียวในหนึ่งเดือนก็ยังทำ ตนใช้ชีวิตในโรงงานมากกว่า 80% ที่จะอยู่ที่บ้าน เพราะตนตื่นนอนตอนตีห้าสี่สิบนาที หลังจากนั้น ได้เตรียมตัวมาขึ้นรถรับส่งพนักงานในเวลา 06.30 น.และเดินทางมาถึงบริษัทในเวลา 07.50 น.และเลิกงานในเวลา 17.15 น. แต่ก็ต้องทำโอทีต่อจนถึงเวลา 20.15 น. และเดินทางกลับถึงบ้านในเวลา 22.20 น. หรือบางครั้งมีงานเร่งด่วนก็ต้องทำโอทีจนถึง 22.15 น. เดินทางกลับถึงบ้านในเวลาประมาณเที่ยงคืน
นอกจากนี้ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังต้องมาทำงานโอทีในวันหยุดอีกหากทางบริษัทมีงานเร่งด่วน เราทุ่มเททำงานให้กับบริษัทขนาดนี้ ทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนี้ได้ และในเช้าวันที่ 6 ธ.ค.2548 เมื่อเดินทางมาถึงที่ทำงานและตนได้พยายามที่จะเข้าไปทำงาน แต่ทางบริษัทกลับมาปิดโรงงานไม่ให้พนักงานเข้า ทั้งที่ตนได้แต่งตัวตั้งใจมาทำงานอย่างเต็มที่ครั้งแรกก็ยังไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไร เพราะยังไม่มีคณะกรรมการ หรือตัวแทนสหภาพและหรือตัวแทนฝ่ายนายจ้างออกมาชี้แจง
จนมาทราบภายหลังที่มีการติดประกาศ ไม่จ้างสมาชิกสหภาพแรงงานจากทางบริษัท ทั้งที่ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยทำอะไรเสียหายต่อบริษัท จึงมีความรู้สึกน้อยใจต่อผู้บริหารบริษัทที่เราทุ่มเททำงานให้ขนาดนี้ยังทำกับพวกเราได้ และเรื่องเช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตั้งแต่ตนทำงานมาตลอดชีวิต เพราะทั้งชีวิตนี้ตนมีอยู่แค่ 2 ที่ คือ ที่บ้านและอยู่ภายในโรงงานเท่านั้น ด้านความมั่นคงในการทำงานตนไม่แน่ใจว่าจะได้รับการถ่ายโอนไปยังบริษัทใหม่หรือไม่ เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัทใหม่ พนักงานเก่าที่อยู่มานานจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการคงเดิมหรือไม่ เพราะมีการกำหนดระเบียบข้อบังคับของบริษัทใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
ทั้งนี้ การชุมนุมของพนักงานบริษัท มัทสุชิตะ โฮม แอ็พไลแอ็นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท มัทสุชิตะเรกิ ริฟริกเจอเรเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อ “พานาโซนิค” ตั้งอยู่เลขที่ 7 ม.5 ในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เกิดขึ้นหลังจากทางบริษัทได้นำโซ่มาปิดล็อกคล้องประตูทางเข้าโรงงานไม่อนุญาตให้พนักงานเข้าไปทำงานภายในบริษัท ตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 6 ธ.ค.2548 สาเหตุจากการเกิดข้อพิพาทแรงงานขึ้นระหว่างสหภาพแรงงาน และนายจ้าง เกี่ยวกับข้อเรียกร้องระหว่างกันโดยทางสหภาพแรงงาน ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อทางบริษัทไปจำนวน 15 ข้อ และทางบริษัทได้ยื่นข้อเรียกร้องกลับต่อทางสหภาพมา 13 ข้อ ซึ่งมีความขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
โดยทางบริษัทอ้างความจำเป็นถึงภาวะทางเศรษฐกิจ และความอยู่รอดขององค์กร