xs
xsm
sm
md
lg

“สำเนียง” ลั่นไม่ได้อยากดัง อ้างหลังแจ้งความ “สนธิ” คนแห่โทร.ให้กำลังใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รอง ผกก.ยโสธร อ้างหลังแจ้งความเอาผิด “สนธิ” มีคนโทรศัพท์ให้กำลังใจจำนวนมาก ยืนยันไม่ได้อยากดัง แต่ต้องการปกป้องสถาบันชั้นสูง ขณะที่วงในระบุนิสัยส่วนตัว “พ.ต.ท.สำเนียง” ชอบเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นทั้งดีเจ เคยสมัครเลือกตั้งทั้ง ส.ว.-ส.ส. แต่สอบตก

ภายหลังจากที่วานนี้ (8 พ.ย.) พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ รอง ผกก.(สส) สภ.อ.เมืองยโสธร เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.พีระพิทธิ์ เทพบรรหาร พนักงานสอบสวน (สบ.1) สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองยโสธร เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่ง ร.ต.ท.พีระพิทธิ์ เห็นว่าเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงได้รายงานต่อสำนักงานตำรวจภูธร ภาค 3 ตามคำสั่ง ตร.705/2547 ลงวันที่ 26 ต.ค.2547 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพต่อไป

ล่าสุด วันนี้ (9 พ.ย.) พ.ต.ท.สำเนียง เปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนเข้าแจ้งความและข่าวแพร่กระจายออกไป ได้มีประชาชนทั้งในยโสธร และจังหวัดต่างๆ โทรศัพท์มาให้กำลังใจที่ตนกล้าแจ้งความดำเนินคดีนายสนธิ และนางสาวสโรชาจำนวนมาก ต่างเห็นด้วยกับตนว่าการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิทุกครั้งจะพูดเกี่ยวโยงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง

“ผมกับอาจารย์สนธิอาจจะมองในประเด็นนี้คนละมุม เมื่ออาจารย์สนธิพาดพิงสถาบันชั้นสูงที่คนทั่วประเทศเทิดทูนไว้เหนือหัวได้ ผมในฐานะคนไทยก็มีสิทธิ์ที่จะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เช่นกัน” พ.ต.ท.สำเนียง กล่าว และว่าคนที่โทรศัพท์มาให้กำลังใจตนนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน บางคนก็โทร.ไกลมาจากพัทยา ในจำนวนนี้มีเพียงรายเดียวที่ขอให้ตนถอนฟ้องนายสนธิ และนางสาวสโรชา เขาบอกว่าโทร.มาจากจังหวัดชลบุรี

พ.ต.ท.สำเนียง ปฏิเสธว่า การตัดสินใจฟ้องนายสนธิครั้งนี้ไม่ได้ต้องการอยากดัง หรือเกาะกระแสเพื่อให้ตนเองเป็นที่รู้จัก และไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง หรือให้การสนับสนุนตนแต่อย่างใด ตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด ด้วยเหตุผลเพียงประการเดียว คือ ไม่เห็นด้วยกับนายสนธิที่ก้าวล่วงสถาบันชั้นสูง

ในส่วนของคดีนั้นแล้วแต่คณะกรรมการพิจารณาคดี จะเรียกไปสอบปากคำ ขณะที่พยานแวดล้อมตนจะพาชาวบ้านที่ได้ดูรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทาง ASTV ช่อง News 1 ผ่านเคเบิ้ลทีวีในเมืองยโสธร ร่วมให้ปากคำด้วย ซึ่งรายการนี้คนที่เป็นสมาชิกเคเบิลทีวีดูกันเป็นจำนวนมาก คงหาได้ไม่ยากนัก

เผยส่วนตัว ”สำเนียง” ชอบดัง เคยลง ส.ว.แข่งผู้บังคับบัญชา

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวนายตำรวจผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เปิดเผยว่า โดยนิสัยส่วนตัวของ พ.ต.ท.สำเนียง ลือเจียงคำ เป็นคนชอบดัง ชอบที่จะให้สาธารณชนได้รู้จัก เมื่อครั้งรับราชการที่ สภ.อ.เมือง ขอนแก่น ได้ทำอาชีพเสริมด้วยการเป็นนักจัดรายการวิทยุในชื่อ "อาน้อย ธำรง" และในปี 2543 ลาออกจากราชการเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.ที่จังหวัดขอนแก่น แต่สอบตก ถัดมาในปี 2544 ยังลงรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 2 ขอนแก่น ในสังกัดพรรคความหวังใหม่ แต่ก็สอบตกอีก

หลังจากนั้น ก็ขอเข้ารับราชการตำรวจต่อ แต่การกลับเข้ามาแวดวงสีกากีครั้งนี้ ได้ถูกโยกย้ายไปไกลถึงภาคใต้ โดยประจำที่ สภ.อ.หลังสวน อยู่นานราว 2 ปีก็ขอย้ายกลับ สภ.อ.เมืองยโสธร ซึ่งเป็นบ้านเกิด

นายตำรวจรายเดิม เล่าอีกว่า ในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ว.ขอนแก่น ของ พ.ต.ท.สำเนียงเมื่อปี 2543 นั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงข้าราชการตำรวจอย่างกว้างขวาง ว่า เขาอาจหาญลงวัดบารมีแข่งกับ พล.ต.อ.สมชาย ไชยเวช อดีต ผบช.ตร.ภูธร ภาค 4 ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาเอง และในที่สุดเขาก็สอบตก แม้การเลือกตั้ง ส.ว.ขอนแก่น มีการแจกใบเหลืองให้เลือกตั้งซ้ำถึง 5- 6 ครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รับเลือก จนมีคนพูดกันว่า "ขนาดตำรวจด้วยกันยังไม่เอา แล้วชาวบ้านที่ไหนจะเลือกเขา"

สำหรับรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 ซึ่งจัดขึ้นที่สวนลุมพินี เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา และสามารถรับชมได้ทั่วประเทศผ่านโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่อง News1 นายสนธิ ได้ตั้งคำถามต่อรัฐบาลกรณีการลำดับความสำคัญระหว่างการซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ กับการซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “ไทยคู่ฟ้า”

โดย นายสนธิ ได้ถามถึงความจำเป็นของการซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าด้วยงบประมาณมากกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้นำประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกไม่มีเครื่องบินประจำตำแหน่ง แต่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังอนุมัติซื้อเมื่อปี 2546 ขณะที่เครื่องบินพระราชพาหนะ ซึ่งมีอยู่ 2 ลำ มีสภาพเก่าจากการใช้งานมานาน 18 ปี และ 23 ปี ตามลำดับ จนในบางโอกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต้องเสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบิน ซี 130 ของทหาร

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเสนอขออนุมัติซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ เมื่อปี 2546 รัฐบาลกลับยังไม่อนุมัติซื้อ โดยอ้างเหตุผลว่า ยังไม่มีงบประมาณ เพิ่งจะอนุมัติซื้อเมื่อเดือนสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นนี้เองที่ทำให้ พ.ต.ท.สำเนียง ตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการ




.......
ข่าวเกี่ยวเนื่อง

"ทนายอิสระ"ชี้ "สนธิ"พูดชัดเจน-หมิ่นหรือไม่ให้ปชช.ตัดสิน!
“การุณ” อัดยับ “ทักษิณ” ทำไม่บังควรนั่งประธานในวัดพระแก้ว
โฆษก ตร.ย้ำแจ้งจับ “สนธิ” ยังไม่เป็นคดี รอ “โกวิท” ชี้ขาด
ภาพคาใจคนไทย ‘นายกฯทักษิณในโบสถ์วัดพระแก้ว’
ตร.ภาค 3 ตั้งทีมทำคดีแจ้งจับ “สนธิ” ยันการเมืองแทรกแซงไม่ได้
รอง ผกก.เมืองยโสธรอ้างทนไม่ได้จำต้องแจ้งความดำเนินคดี'สนธิ"
ตร.ยโสธรแจ้งจับ “สนธิ” กล่าวหาหมิ่นเบื้องสูง
เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 7 - ชนวนแจ้งจับ"สนธิ"
ราชพาหนะ VS ‘แอร์ฟอร์ซวัน’ เรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ !
กำลังโหลดความคิดเห็น