xs
xsm
sm
md
lg

ประเพณีชักพระและความงดงามของชุมชนพุทธในปัตตานี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย...สมศักดิ์ หุ่นงาม ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

วันออกพรรษาแต่ละปีนั้น ประเพณีที่สำคัญในหลายจังหวัดภาคใต้คือ ประเพณีชักพระ ซึ่งมักจัดขึ้นหลังวันออกพรรษา 1 วัน แทบทุกวัดไม่เว้นแม้แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังประสบปัญหาความไม่สงบต่างจัดทำงานบุญนี้กันอย่างคึกคัก

ออกพรรษาปีนี้ตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม และ วันที่ 19 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 นั่นหมายถึงประเพณีชักพระได้เริ่มขึ้น โดยการลากเรือพระไปตามถนนสายหลักของจังหวัด เพื่อให้ชาวบ้านได้ออกมาทำบุญด้วยการแขวนต้มและจตุปัจจัยต่างๆ รวมถึงการช่วยกันลากเรือพระ

พระครูมงคลคุณาธาร รองเจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม หรือวัดใหม่ อ.เมือง
จ.ปัตตานี เล่าให้ฟังว่า ประเพณีชักพระเป็นประเพณีที่ทำสืบทอดกันมาแต่ช้านาน
แต่ก็ไม่ทราบประวัติที่แท้จริงว่าทำไมต้องมีการลากพระ แต่ตามตำนานเล่าว่า การชักพระนั้นเป็นการต้อนรับองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จลงมาจากสวรรค์ เมื่อสิ้นสุดช่วงเข้าพรรษา

“หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจบนสวรรค์แล้ว พระพุทธเจ้าได้เสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ พระองค์ได้รับการต้อนรับ จากฝูงชนทั้งที่เป็นพระสาวกและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา เป็นจำนวนมาก และเพื่อเป็นการระลึกถึงในครั้งพุทธกาล ที่นี่จึงได้มีการจัดงาน เทศกาลขึ้น 2 งานด้วยกัน คือ ตักบาตรเทโวในช่วงเช้าวันออกพรรษาและประเพณีชักพระ”

การทำเรือพระถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเพณีชักพระ เพราะผู้ทำนั้นจะต้องใช้ความตั้งใจและความอดทนสูงบวกกับศิลปะที่เป็นภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งมีการตบแต่งลวดลายบนเรือพระให้งดงามที่สุด และมักจะเป็นลายกนก ซึ่งผู้ทำต้องมีความชำนาญและพิถีพิถันเพื่อให้งานที่ออกมามีความประณีตมากที่สุด

“เรือพระแต่ละวัดนั้นจะทำไม่เหมือนกันขึ้นอยู่ที่ลวดลายว่าจะเป็นอย่างไร บางวัดทำเป็นรูปพญานาค แม้เป็นรูปพญานาคเหมือนกัน แต่ยังขึ้นอยู่ด้วยว่าวัดนั้นจะทำพญานาคกี่ตัว บ้าง 7 ตัว บ้าง 9 ตัว” พระครูมงคลคุณาธาร อธิบายถึงศิลปะชาวบ้านที่สืบต่อกันมายาวนาน “ทางพุทธเราถือว่า พญานาคเป็นสัตว์ที่ประเสริฐและอยู่คู่กับศาสนามาอย่างช้านาน ซึ่งจากภาพต่างๆ ที่ปรากฏในภาพพุทธประวัติมักเห็นได้ว่ามีพญานาคร่วมอยู่ด้วย”

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เดิมการทำเรือพระนิยมใช้ไม้และกระดาษเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ในปัจจุบันการทำเรือพระส่วนใหญ่จะใช้โฟม เพราะนอกจากประหยัดแล้วยังเป็นเทคโนโลยีที่สะดวกและง่ายต่อการตัดลวดลาย

“ตอนนี้การทำเรือพระมักใช้รถวิ่งและมีพญานาคที่แกะสลัก และประดับแวดล้อมด้วยลายกนกที่ทำมาจากโฟม ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน โดยที่ไม่ต้องมาทำใหม่ในปีต่อไปให้เสียเวลา เพราะการทำแต่ละครั้งใช้เวลานานถึง 3 เดือน”

กิจกรรมอย่างหนึ่งของพุทธศาสนิกชนที่ขาดไม่ได้ในประเพณีโบราณนี้คือ การแขวนต้ม(ข้าวต้มมัดด้วยใบกระพ้อ)บูชาพระ ซึ่งชาวบ้านที่มาร่วมงานแทบทุกครัวเรือนจะพยายามนำต้มไปแขวนบูชาตามคติความเชื่อให้ครบถ้วนเท่าจำนวนพระ (ซึ่งจะเท่ากับจำนวนวัดที่ร่วมขบวนลากพระ)

“ขนมต้มนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนา เพียงแต่ว่าชาวบ้านต้องการให้พระได้เก็บไว้ฉัน เพราะขนมต้มนี้เก็บไว้ได้ และสามารถนำไปทอด หรือย่างซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะออกพรรษาของทุกๆ ปีซึ่งมักมีฝนตกลงมา ทำให้พระสงฆ์ไม่สะดวกต่อการออกมาบิณฑบาต ชาวบ้านเลยเตรียมอาหารเก็บไว้นานถวาย”

การทำบุญชักพระของจังหวัดปัตตานีในทุกปีจัดขึ้นที่อำเภอโคกโพธิ์ ซึ่งที่นี่เคยเป็นที่จำวัดของอริยสงฆ์รูปหนึ่งของประเทศไทย คือหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ และในปีนี้ชาวบ้านยังคงยึดถือประเพณีปฏิบัตินี้

“ผมเข้ามาทำเรือพระร่วม 10 กว่าปีแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะต้องการที่จะช่วยทางวัด อีกส่วนหนึ่งเพราะต้องการอนุรักษ์ประเพณีชักพระไว้” นายฉัตร ชาวบ้านในอำเภอเมืองปัตตานีบอกถึงความตั้งใจในการสืบสาน “การทำเรือพระในอดีตมีชาวบ้านเข้ามาช่วยทำกันมาก แต่ในปัจจุบันนี้สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่ออกมาช่วยกันเหมือนที่ผ่านมา”

สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากชาวบ้านที่เป็นทั้งพุทธและมุสลิมต้องตกเป็นเหยื่อแล้ว แม้แต่พระสงฆ์ไปยันโต๊ะอิหม่าม ซึ่งเป็นผู้นำที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน ต่างก็ถูกประสงค์ร้ายด้วยเช่นกัน ล่าสุดมีการฆ่าพระสงฆ์และเผากุฏิวัดพรหมประสิทธ์ อำเภอปานาเระ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเลวร้ายของกลุ่มคนที่ไม่ยึดมั่นในหลักธรรมของแต่ละศาสนา

“บางครั้งการเข้ามาช่วยทำเรือพระก็ลำบากเหมือนกัน เพราะกลางคืน ประตูจะเข้าวัดทหารก็ปิดหมด เราต้องเข้าทางเมรุ ซึ่งถือว่าลำบากมาก ยิ่งถ้าทำดึกๆ ก็เป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัย” พุทธศาสนิกชนรายนี้บอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายในสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น

ขณะที่ลุงรูญ พุทธศาสนิกชนอีกคนหนึ่ง เล่าว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับประเพณีนี้ เพราะการชักพระมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น และการชักพระยังแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของชาวบ้านที่ร่วมกันทำบุญในประเพณีของท้องถิ่น

“ลุงอยากจะให้มีการแยกแยะกันก่อนว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร และอะไรที่เป็นเรื่องของประเพณี แต่อย่างไรเสียลุงคิดว่างานชักพระยังต้องมีต่อไป” ลุงรูญบอกด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

ความมุ่งมั่นของหลวงพ่อ นายฉัตรและลุงรูญ ที่ต้องการรักษาความงดงามของประเพณีดั้งเดิมของท้องถิ่นเอาไว้ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เป็นคำถามอยู่ในใจทุกคน เพราะการยอมรับความหลากหลายของชุมชนที่อยู่กันอย่างสันติสุขมายาวนานเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงวิถีชีวิตคนพื้นถิ่นที่นี่ได้เป็นอย่างดี


กำลังโหลดความคิดเห็น